วันนี้พี่ทุยจะพาไปเจาะลึก “หุ้นธนาคาร” น้องใหม่ที่กำลังจะ IPO เร็ว ๆ นี้ ที่ถือว่าเป็นหุ้นธนาคารที่กำลังจะเข้ามา IPO ในรอบ 10 ปีเลยก็ว่าได้ และนับเป็นธนาคารที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น.. เป็นหนึ่งในธนาคารเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือ “ธนาคารไทยเครดิต” นั่นเอง จะเป็นยังไงบ้าง มีอะไรที่น่าสนใจ มีอะไรที่โดดเด่น พี่ทุยสรุป หุ้นธนาคารไทยเครดิต มาให้เรียบร้อยแล้ว
“ธนาคารไทยเครดิต” เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มุ่งเน้นธุรกิจทางด้านการปล่อยสินเชื่อไมโครและนาโนไฟแนนซ์ (Micro and Nano Finance) และสินเชื่อธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี (Micro SME) เป็นหลัก
นอกจากนี้ “ธนาคารไทยเครดิต” ยังมีให้บริการเงินฝาก และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจธนาคารฯ ด้วยเช่นกัน
โดยจุดเริ่มต้นของ “ธนาคารไทยเครดิต” เริ่มต้นในปี 2513 ภายใต้ชื่อ “บริษัท กรุงเทพสินทวี จำกัด” ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ ไทยเคหะ จำกัด” ในปี 2526 โดยประกอบธุรกิจให้บริการทางการเงิน
ต่อมาในปี 2549 ได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย
ในปี 2550 พร้อมเริ่มเปิดดำเนินการเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย และเปลี่ยนชื่อเป็น “ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน)” จากนั้น ในปี 2562 ได้เปิดตัวแอปพลิเคชัน “ไมโครเพย์” (Micro Pay) ที่ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) และการทำรายการกู้ยืมเงินได้อย่างสะดวกมากขึ้น
และในปี 2565 เปิดตัวแอปพลิเคชัน Mobile Banking ภายใต้ชื่อ alpha by Thai Credit เพื่อมอบประสบการณ์ทางการเงินที่สะดวกสบาย
ล่าสุดในปี 2566 ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ และเปลี่ยนชื่อเป็น “ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน)” โดยตัดคำว่า เพื่อรายย่อย ออก
ตอนนี้ (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 66) ธนาคารไทยเครดิตมีจำนวนสาขาทั้งหมด 527 สาขา
แบ่งเป็นสาขาเงินฝาก 27 สาขา สาขาสินเชื่อ 267 สาขา และ Kiosk อีกจำนวน 233 สาขา ซึ่งถือว่ามีสาขาให้บริการครอบคลุมทัั้งประเทศ
ในด้านของผลประกอบการของธนาคารเอง ก็ถือว่าน่าสนใจ โดยสำหรับปี 2563-2565 และ 9 เดือนแรกของปี 2566 เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ ที่ถือว่าเป็นแหล่งรายได้สำคัญนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลทำให้รายได้และกำไรสุทธิในช่วงปี 2563 ถึง 2565 และ 9 เดือนแรกของปี 2566 ปรับตัวขึ้น และยังสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิในระดับสูงได้
ซึ่งจากตัวเลขเราจะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบกับธนาคารอื่น ๆ ในตลาดแล้ว ธนาคารไทยเครดิตมีอัตรา NIM (Net Interest Margin) สูงที่สุด อยู่ที่ 8.2% (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 66) และมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม อยู่ที่ 36.2% (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 66) อีกทั้งอัตราการเติบโตของสินเชื่อก็ยังสูงสุดในอุตสาหกรรมอีกด้วย โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมระหว่างปี 2563-2565 (CAGR) อยู่ที่ 33.0% ต่อปี
หุ้นธนาคารไทยเครดิต เตรียม IPO 9 ก.พ. 2567 นี้
ธนาคารไทยเครดิต เตรียม IPO 9 ก.พ. 67 นี้
โดยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 347,029,122 หุ้น โดยวัตถุประสงค์การ IPO ในครั้งนี้ก็เพื่อ
1. เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ
2. ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security and Infrastructure)
3. รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ และวัตถุประสงค์อื่น ๆ
สำหรับใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปได้ที่ เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=527568&lang=th
คาดการณ์ว่าน่าจะเข้า IPO ในช่วงวันที่ 9 ก.พ. 67