บอกลาหนี้แค่มีเงินออม 2 ประเภท

ออมเงิน ด้วย 2 บัญชีนี้ ถ้าไม่อยากเป็นหนี้ไปจนตาย

2 min read    Money Buffalo

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ออมเงิน ยังไงดี ?

รู้หรือไม่ ? สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยในปี 2567 จากกลุ่มตัวอย่างพบว่า คนไทยเป็นหนี้เฉลี่ยกันมากถึง 606,378 บาท/ครัวเรือน ! โดยคิดเป็นสัดส่วนหนี้ในระบบมากถึง 69.9% และหนี้นอกระบบที่จัดการยากอีก 30.1% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 8.4% คิดเป็น 90.4 – 90.8% ของ GDP ทั้งประเทศ ฉุดให้เราขึ้นไปเป็นประเทศที่มีหนี้ต่อครัวเรือนเป็นอันดับที่ 7 ของโลก (อ่านแล้วน้ำตาพี่ทุยจิไหล)

เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว พี่ทุยถึงกับปวดหัว จะทำยังไงให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเงินออมไปพร้อม ๆ กันได้ล่ะเนี่ย งั้นพี่ทุยก็ขอแนะนำทริคเด็ดที่จะช่วยให้เราจัดการหนี้ และมีเงินออมเหลือ ๆ กัน โดยแบ่งเงินออมออกเป็น 2 ก้อนที่ชัดเจน คือ “บัญชีเงินฉุกเฉิน” และ “บัญชีเงินเป้าหมาย” เพียงเท่านี้ก็รับมือได้ทุกสถานการณ์แล้ว

เงินออม บอกลาวังวนหนี้แค่มี 2 ประเภท Info

บัญชีเงินฉุกเฉิน ออมเงิน ไว้รับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ถ้าใครเคยดำน้ำ ทุกครั้งที่ดำน้ำ เจ้าหน้าที่จะให้เราใส่เสื้อชูชีพเพื่อป้องกันไม่ให้เราจมน้ำเสียก่อน เช่นกัน บัญชีเงินฉุกเฉิน หรือ Emergency fund คือเงินที่เราเก็บไว้สำรองเผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันต้องใช้เงินด่วน เช่น รถเสีย แม่เข้าโรงพยาบาล แผ่นดินไหวต้องซ่อมบ้าน เราก็เอาเงินส่วนนี้มาใช้จ่ายได้สบาย และยังฝึกวินัยให้เราออมเงินไปในตัวด้วย

ปกติแล้วเงินฉุกเฉินแบบนี้เราจะเรียกว่าเป็นเงินออมอย่างหนึ่ง ถ้าใครเป็นคนที่รู้ตัวว่าไม่มีวินัยแน่ ๆ ทุกครั้งที่เงินเดือนออก ให้ หักเก็บเป็นเงินออมก่อนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ประมาณ 10% ของรายได้ ถ้าใครอยากออมเยอะกว่านี้ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่าลืมเก็บเงินไว้กินข้าวด้วย

โดยทั่วไปแล้วเราควรมีเงินฉุกเฉินเก็บไว้ราว ๆ 3 – 6 เดือนของค่าครองชีพ แต่บางแห่งก็อาจแนะนำให้เรามีเก็บถึง 12 เดือนไปเลย เนื่องจากสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน 

โดยแนะนำให้เก็บเงินไว้ในแหล่งเงินฝากที่มีสภาพคล่องสูง เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากออมทรัพย์พิเศษ กองทุนตลาดเงิน กองทุนตราสารหนี้ เป็นต้น เพราะเป็นแหล่งฝากเงินที่สามารถถอดมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ

บัญชีเงินเป้าหมาย ไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่กำหนดไว้

เงินเป้าหมาย (Sinking fund) เป็นเงินที่เราเก็บไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่เราคิดไว้แล้วว่าจะต้องจ่ายในอนาคต เช่น เก็บเงินเที่ยวทะเล ซื้อบัตรคอนฯ จ่ายค่าผ่อนรถ หรือดาวน์บ้าน เป็นต้น โดยเป็นการฝากเงิน หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่มากพอจนถึงจุดที่เราจะต้องใช้เงินนั้น ๆ

ซึ่งทั้งเงินฉุกเฉิน และเงินเป้าหมายที่เราเก็บไว้ ควรเก็บไว้ในแหล่งเงินฝากที่มี ความเสี่ยงน้อย ปลอดภัย และอยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันคุ้มครองเงินฝากนะ 

อย่างไรก็ตามการ ออมเงิน 10% นั้นอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไปในยุคสมัยนี้ การบริหารเงินและวางแผนการเงินที่รัดกุมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile