หุ้นกู้ใหม่จาก LPN ดอกเบี้ย 5.10 - 5.40% อายุ 2 ปี และ 3 ปี

หุ้นกู้ใหม่จาก LPN ดอกเบี้ย 5.10 – 5.40% อายุ 2 ปี และ 3 ปี

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท
  • การลงทุนหุ้นกู้มีหลากหลายระดับความเสี่ยง สามารถดูได้จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) สำหรับมือใหม่ให้เลือกลงทุนหุ้นกู้ระดับ Investment Grade ที่มีความน่าเชื่อถือระดับ BBB- ขึ้นไปเท่านั้น
  • LPN เตรียมออกหุ้นกู้ 2 ชุด หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี ดอกเบี้ยคงที่  5.10% และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 5.40% อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทและหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ BBB โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2567 ส่วนที่เหลือเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำหรือต้องการพักเงินจากความผันผวนของตลาด “หุ้นกู้” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ

หุ้นกู้คืออะไร ?

หุ้นกู้ คือ “ตราสารหนี้” ที่ออกโดยบริษัทภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระดมทุนสำหรับใช้ในกิจการต่าง ๆ ของบริษัท  ไม่ว่าจะเพื่อลงทุน เพื่อขายกิจการ ซื้ออุปกรณ์เครื่องจักร สร้างโรงงานหรือจะเพื่อชำระคืนหนี้เดิม เป็นเงินหมุนเวียนต่าง ๆ

สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนหุ้นกู้ เราจะรู้ล่วงหน้าเลยว่าเราต้องลงเท่าไหร่ แล้วเราจะรับผลตอบแทนเมื่อไหร่อย่างไรบ้าง ไม่ต้องลุ้นเรื่องความผันผวนของราคาเหมือนกับตลาดหุ้น เช่น หุ้นกู้ A ให้ผลตอบแทนปีละ 5% อายุ 5 ปี จ่ายดอกเบี้ยปีละ 2 ครั้ง เราก็จะรู้ว่าถ้าลงทุน 100,000 บาท เราก็จะได้ 2,500 บาททุก 6 เดือน แล้วจากนั้นในงวดสุดท้าย สิ้นปีที่ 5 ก็รับดอกเบี้ยงวดสุดท้ายพร้อมกับเงินต้นคืนเป็นเงิน 102,500 บาทนั่นเอง

ลงทุนหุ้นกู้ ต้องรู้จักอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)

ระดับ Credit Rating

ซึ่งความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการลงทุนหุ้นกู้ก็คือ “ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)” ซึ่งเราสามารถดูระดับความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ได้จากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating)

วิธีการใช้งาน Credit Rating ก็ง่าย ๆ คือ ยิ่งมี “อันดับเครดิตยิ่งสูง ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ก็ยิ่งต่ำ” โดยทั่วไปแล้วระดับของหุ้นกู้จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนก็คือ Investment Grade ที่อันดับเรตติ้งที่ AAA+ ไปจนถึง BBB – และ Speculative Grade ที่มีอันดับเรตติ้งตั้งแต่ BB+ ไปจนระดับ D

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ รับความเสี่ยงได้ไม่มาก พี่ทุยแนะนำว่าให้เริ่มลงทุนหุ้นกู้ที่อยู่ในระดับ Investment Grade เป็นหลักก่อน เนื่องจากมี “ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ (Default Risk)” ที่ต่ำกว่านั่นเอง 

แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า อันดับความน่าเชื่อถือยังสามารถขยับขึ้นลงได้ตลอดเวลา โดยบริษัทที่ทำหน้าจัดอันดับเครดิตอย่าง TRIS และ Fitch จะมีการวิเคราะห์จากผลการดำเนินงาน และความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอกที่มีผลกระทบต่อบริษัท ซึ่งนักลงทุนจะต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตตลอดระยะเวลาการลงทุน สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนหุ้นกู้ต้องติดตาม Credit Rating ของหุ้นกู้ที่เราลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ลงทุนหุ้นกู้ต้องเข้าใจแนวโน้มของดอกเบี้ย

อีกหนึ่งความเสี่ยงที่ต้องรู้ก่อนลงทุนหุ้นกู้ นั่นก็คือ “ความเสี่ยงด้านราคาตราสารหนี้” ซึ่งมาจากความผันผวนของแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน  เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น สมมติเราเข้าลงทุนหุ้นกู้ของบริษัท ก ครั้งที่ 1 อายุ 2 ปี ให้ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 5% ต่อปี โดยที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 3% ต่อปี แล้วอยู่ ๆ ธนาคารกลางได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นเป็น 4% เพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น

ทีนี้เมื่อบริษัท ก จะออกหุ้นกู้ครั้งที่ 2 ด้วยอายุเท่ากัน คือ 2 ปี บริษัทต้องจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นมากกว่าชุดแรก โดยให้ดอกเบี้ย 6% เพื่อสะท้อนภาวะดอกเบี้ยนโยบายที่เพิ่มขึ้น

แน่นอนว่าพอเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้ความต้องการซื้อหุ้นกู้ครั้งที่ 1 ในตลาดรองลดลง และคนอยากจะมาซื้อหุ้นกู้ครั้งที่ 2 เพิ่มมากขึ้น เพราะให้ดอกเบี้ยที่มากกว่า ก็จะเกิดแรงเทขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1 จึงทำให้ราคาหุ้นกู้ครั้งที่ 1 ลดลง นั่นแปลว่าใครที่ถือลงทุนหุ้นกู้ครั้งที่ 1 แล้วต้องการขายก็จะขาดทุนนั่นเอง

แต่สำหรับใครที่ต้องการถือลงทุนหุ้นกู้จนครบกำหนดอายุ ไม่ได้มีความต้องการขายหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดก่อน  ก็อาจจะไม่ต้องกังวลเรื่อง “ความเสี่ยงด้านราคาตราสารหนี้” มาก เพราะเราจะได้รับเงินต้นคืน ครบตามราคาที่ระบุไว้ที่หน้าตั๋ว

ซึ่งมุมมองเรื่องของอัตราดอกเบี้ย ณ ปัจจุบันก็มีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนเลยว่าอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรของการขึ้นดอกเบี้ย จากทั้งตัวเลขเงินเฟ้อและตัวเลขการจ้างงานที่ลดลง ทำให้การคาดการณ์แนวโน้มของดอกเบี้ยเข้าสู่ช่วงทรงตัวและมีโอกาสปรับตัวลงในอนาคตได้ 

ช่วงเวลานี้เลยถือว่าเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเก็บสะสมหุ้นกู้ที่ดีมีคุณภาพ เพราะจากเดิมที่อัตราดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นตัวกดดันตลาดตราสารหนี้ แรงกดดันนั้นกำลังจะกลับมาเป็นแรงหนุนแทน

LPN เตรียมออกหุ้นกู้ดอกเบี้ย 5.10 – 5.40% อายุ 2 ปี และ 3 ปี 

สำหรับใครที่กำลังมองหาหุ้นกู้ลงทุนต้อนรับปี 2567 อยู่ ล่าสุดทาง บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น LPN ที่เราคุ้นชื่อกันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยคุณภาพที่มาพร้อมกับความน่าอยู่ในทุกมิติ เพื่อการใช้ชีวิตที่ดีที่สุดมามากกว่า 35 ปี โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวโครงการมูลค่ารวมไปมากกว่า 10,000 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโด ได้เตรียมออกหุ้นกู้ใหม่ 2 ชุด

ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.10% ต่อปี
ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.40% ต่อปี

ซึ่งทั้ง 2 ชุดมีการจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ที่ระดับ “BBB” และมีแนวโน้ม “ลบ” ซึ่งถือเป็นระดับ Investment grade หรือเรียกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้

โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด พร้อมเสนอขายช่วง 23-25 มกราคม 2567 นี้ โดยวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ก็เพื่อนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2567 ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ใครที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ LPN สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.sec.or.th และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดังนี้

  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อผ่าน Krungthai NEXT สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา
  • บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
  • บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร 02-009-8351-56
  • บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
  • บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โทร. 02-625-2422
  • บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
บทความนี้เป็นบทความ Advertorial