เคยสงสัยกันมั้ยว่า ถ้าเราเอาเงิน 100,000 บาท ไปลงทุนใน ซื้อหุ้นธนาคาร ทิ้งไว้ 10 ปี ผลตอบแทนการ ซื้อหุ้นธนาคาร หน้าตามันจะออกมาเป็นยังไง ? พี่ทุยขอสรุปมาให้ดูชัดๆ แบบไม่มีกั๊กเลยว่า หุ้นธนาคารแต่ละตัวที่หลายคนรู้จักกันดี มีผลตอบแทนเท่าไหร่ และกำไรจากปันผลเป็นยังไงบ้าง !
1.TISCO (ธนาคารทิสโก้)
- ลักษณะธุรกิจ: TISCO FINANCIAL GROUP PUBLIC COMPANY LIMITED (TISCO) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ให้บริการหลากหลาย ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริการเช่าซื้อหลักทรัพย์ บริหารจัดการกองทุน และบริการวาณิชธนกิจ
- จุดเด่น: มีชื่อเสียงด้านการบริหารความเสี่ยงที่ดี และเป็นที่รู้จักในฐานะหุ้นปันผลเด่น จ่ายปันผลในอัตราที่สูงและสม่ำเสมอ.
โดยเราจะมีเงินรวม 446,531 บาท ! กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นถึง 165,986 บาท กำไรจากปันผลสูงถึง 180,544 บาท รวมกำไรสุทธิ 346,531 บาท ! บอกเลยว่า TISCO เป็นสายปันผลตัวจริง !
2.KKP (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร)
- ลักษณะธุรกิจ: KKP FINANCIAL GROUP (KKP) เป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และธุรกิจตลาดทุน รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอื่น ๆ
- จุดเด่น: เป็นธนาคารขนาดกลางที่มีการเติบโตดี และมีธุรกิจที่หลากหลาย ทำให้มีความยืดหยุ่นในการสร้างรายได้.
เราจะมีเงินรวม 252,714 บาท กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น 32,143 บาท กำไรจากปันผล 120,571 บาท รวมกำไรสุทธิ 152,714 บาท ! ถือเป็นอีกหนึ่งธนาคารที่เด่นเรื่องปันผล และเติบโตได้ดี
3.KBANK (ธนาคารกสิกรไทย)
- ลักษณะธุรกิจ: KASIKORNBANK PUBLIC COMPANY LIMITED (KBANK) เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในประเทศไทย ให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ลูกค้าบุคคล ธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดใหญ่
- จุดเด่น: มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่และเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (Digital Banking) ในประเทศไทย
เราจะมีเงินรวม 146,034 บาท กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้น 7,241 บาท กำไรจากปันผล 38,793 บาท รวมกำไรสุทธิ 46,034 บาท แม้กำไรจากส่วนต่างราคาจะน้อยกว่า แต่ปันผลก็ยังพอพึ่งพาได้
4.SCB (ธนาคารไทยพาณิชย์)
- ลักษณะธุรกิจ: SCB X PUBLIC COMPANY LIMITED (SCBX) เป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ลงทุนในบริษัทอื่น ๆ โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นแกนหลัก นอกเหนือจากธุรกิจธนาคาร ยังมีการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน (FinTech)
- จุดเด่น: มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อก้าวสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน และมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขวาง.
เราจะมีเงินรวม 145,096 บาท กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นติดลบไป 9,519 บาท ! กำไรจากปันผลถึง 54,615 บาท รวมยังมีกำไรสุทธิ 45,096 บาท ถึงแม้จะขาดทุนจากส่วนต่างราคา แต่โดยรวมยังมีกำไรจากเงินปันผล
5.BBL (ธนาคารกรุงเทพ)
- ลักษณะธุรกิจ: BANGKOK BANK PUBLIC COMPANY LIMITED (BBL) เป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย ให้บริการทางการเงินครบวงจร ทั้งลูกค้าบุคคล ธุรกิจ และมีเครือข่ายสาขาในต่างประเทศครอบคลุมเขตเศรษฐกิจสำคัญ
- จุดเด่น: มีความแข็งแกร่งด้านสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ และมีนโยบายการดำเนินงานที่ระมัดระวัง.
เราจะมีเงินรวม 128,313 บาท กำไรจากส่วนต่างราคาหุ้นติดลบ 13,855 บาท กำไรจากปันผล 42,169 บาท ทำให้รวมกำไรสุทธิอยู่ที่ 28,313 บาท ถึงแม้จะน้อยสุด แต่สุดท้ายก็รวยขึ้น

บทเรียนจากการลงทุน หุ้นธนาคาร คืออะไร ?
1.หุ้นปันผลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง จะเห็นได้ชัดว่าธนาคารที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ และในอัตราที่น่าพอใจ สามารถช่วยชดเชยการขาดทุนจากราคาหุ้นได้ดี แถมยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกในระยะยาว
2.การเลือกหุ้นสำคัญกว่าแค่ชื่อเสียง แบงก์ใหญ่ที่เรารู้จักดี ใช่ว่าจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดเสมอไป เพราะอย่าง TISCO และ KKP พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าหุ้นที่มีขนาดเล็กลงมาก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจได้ หากพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่งจริง
3.ลงทุนระยะยาวต้องดูดี ๆ การลงทุนในระยะเวลา 10 ปีนั้นยาวนานพอที่จะเห็นวัฏจักรของธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ
ข้อควรรู้เพิ่มเติมก่อนลงทุนในหุ้นธนาคาร
1.ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต
ตัวเลขที่แสดงข้างต้นเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งอาจไม่สะท้อนถึงผลตอบแทนที่คุณจะได้รับในอนาคต. สภาวะเศรษฐกิจ ตลาดหุ้น และปัจจัยเฉพาะของแต่ละธนาคารสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ.
2.กระจายความเสี่ยง
การลงทุนในหุ้นเพียงกลุ่มเดียวอาจมีความเสี่ยงสูง การกระจายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอของคุณได้.
3.พิจารณาค่าธรรมเนียมและภาษี
อย่าลืมว่าในการลงทุนจะมีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และกำไรจากเงินปันผลหรือกำไรจากการขายหุ้นอาจมีภาระภาษีที่ต้องพิจารณา
สรุปได้ว่าการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร 100,000 บาท เป็นเวลา 10 ปี สามารถสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้จริง แต่ผลตอบแทนจะมากน้อยแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้นที่ชาญฉลาดและการให้ความสำคัญกับเงินปันผล รวมถึงการทำความเข้าใจความเสี่ยงและปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นี่คือหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวนั่นเอง
ติดตามพี่ทุยเพิ่มเติมได้ที่ Facebook
หรืออ่านบทความเพิ่มเติมได้