มีใครเจอปัญหาแบบนี้กันบ้าง …
ทำงานมาตั้งนาน เงินเก็บก็ยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอัน
ทำไมเก็บเงินไม่เคยจะอยู่ สิ้นเดือนก็หมด เดือนชนเดือนตลอด
ขอบอกง่ายๆเลยว่า !! เ ร า กํ า ลั ง อ อ ม เ งิ น ผิ ด วิ ธี !!
ถ้าเรากำลังคิดว่าการออมเงิน
คือ เงินเดือน – รายจ่าย = เงินออม
หมายถึง ใช้แล้วเหลือเท่าไรค่อยนำไปเก็บออม
… ก็ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมถึงไม่เคยเหลือเงินเก็บ
ก็เล่นได้เงินเดือนมาแล้วใช้ไปก่อน
ใช้จ่ายกันแบบเหมือนกลัวพรุ่งนี้จะไม่ได้ใช้เงิน
สิ้นเดือนมาจะเหลือเก็บได้ไงเล่า !
ลองเปลี่ยน เปลี่ยนใหม่ ….
คิดว่าการออมคือ เงินเดือน – เงินออม = รายจ่าย
หมายถึง ได้เงินเดือนมาเอาไปเก็บออมก่อน
เหลือเท่าไรค่อยเอามาใช้จ่าย
แค่นี้แหละมีเงินเหลือเก็บแน่นอน
พี่ทุยว่าทุกคนต้องเคยลืมกระเป๋าตังค์มาทำงาน
แล้วเหลือเงินน้อยมากๆในกระเป๋าเสื้อ
(สมมติว่าไม่มีเพื่อนให้ยืมละกัน)
พอตกกลางวันต้องถอยมาม่ามากิน เดินทางต้องโหนรถเมล์ฟรี
หรือไม่ก็ใช้วิธีเดินแทน แต่สุดท้ายก็รอดวันนั้นมาได้
หรือบางคนก็อาจจะมีกิจวัตรแบบนี้กันบ่อยๆในช่วงสิ้นเดือน
แต่สุดท้ายเราก็ผ่านกันมาได้ …
เพราะคนเรามันมีนิสัย ถ้ามีเงินเยอะก็ใช้เยอะ
ถ้ามีเงินน้อยก็ใช้น้อย ก็เลยต้องใช้วิธีแบบที่พี่ทุยบอกยังไงละ
ลองสำรวจดู มีค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองมีอะไรบ้าง
– กินอาหารนอกบ้าน ที่ร้านอาหารสุดหรู ..
– ค่ากาแฟ ชานม ..
– ภาษีสังคม ..
– ใช้สินค้าแพงๆไม่เหมาะกับรายได้ของตัวเอง ..
มีทั่นผู้ชมจากร้อยเสียงในห้องส่งถามว่า ควรออมเท่าไรดี ??
พี่ทุยขอตอบตรงๆแบบไม่กลัวโดนขว้างด้วยหนามทุเรียน …
ออมให้ได้มากที่สุด โดยชีวิตไม่ต้องลำบากแบบอดมื้อกินมื้อ
ถ้าจะตอบแบบมีหลักการสักหน่อยก็ได้ ..
(เอ้อออ คนเค้าอยากรู้แบบนี้เนี่ยแหละ บร๊ะ)
อย่างน้อยๆก็ควรมีสัก 10% ของรายได้ต่อเดือน
อันนี้เป็นขั้นเริ่มต้นเลยที่ควรทำได้ ซึ่งจริงๆมันไม่พอนะ
แต่ถือว่าโอเคสำหรับการเริ่มต้น
(หลายๆตำรำอาจจะบอกว่า เงินออม 10% ของรายได้
ถ้ามีโอกาสพี่ทุยจะมาบอกว่าทำไมมันถึงไม่พอนะ ไอ้ 10% เนี้ย)
ถ้าหากว่ายังทำไม่ได้ ลองแวะเข้ามาปรึกษากับพี่ทุยหลังไมค์ก็ได้ ไม่ว่ากัน ……
ว่าแต่มีเงินออมกันแล้ว หวังว่าคงจะไม่เอาไปฝากออมทรัพย์กับธนาคารหมดนะ
ดอกเบี้ยที่ได้ก็รู้ๆกันอยู่ !
