สรุป วิธียืดอายุ “แบตโทรศัพท์” ของเราให้เสื่อมช้าลง

[สรุป] วิธียืดอายุ แบตโทรศัพท์ ของเราให้เสื่อมช้าลง

3 min read  

ฉบับย่อ

  • การดูแลสมาร์ทโฟนให้ใช้ได้นาน ๆ วิธีหนึ่งก็คือการยืดอายุแบตเตอรี่ให้เสื่อมช้าที่สุด
  • ความร้อนจะทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ไวขึ้น กิจกรรมใด ๆ ที่เพิ่มความร้อน เช่น ใช้งานโทรศัพท์ขณะชาร์จไฟ ควรจะหลีกเลี่ยง
  • ในแต่ละรอบชาร์จ ยิ่งใช้งานโทรศัพท์น้อย แบตเตอรี่ก็จะหมดไฟช้าลง ช่วยยืดอายุขัยแบตเตอรี่ให้นานขึ้น

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

พี่ทุยว่าทุกวันนี้ใครก็มีสมาร์ทโฟนติดมือกันคนละเครื่อง ไม่ว่าจะใช้ทำงาน หรือเพื่อความบันเทิงยามพักผ่อน ซึ่งราคาค่างวดของสมาร์ทโฟนก็ไม่ใช่ถูก ๆ จึงไม่แปลกที่หลายคนอยากจะถนอมให้สมาร์ทโฟนของเรามีอายุการใช้งานนาน ๆ วันนี้พี่ทุยเลยมาบอกเคล็ดไม่ลับ วิธียืดอายุ แบตโทรศัพท์ ให้ใช้ได้ยาว ๆ กัน

เรื่องแบตเตอรี่สำหรับสมาร์ทโฟนนี่สำคัญไม่น้อยเลยนะ ถ้าแบตเสื่อมก็อาจจะเปิดเครื่องไม่ติด หรือใช้ประเดี๋ยวประด๋าวแบตก็หมด ซึ่งการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ก็มีค่าใช้จ่ายพอตัวเลย

รู้จัก แบตโทรศัพท์ ของเรา

แบตเตอรี่ในโทรศัพท์ของเรา ส่วนมากแล้วเป็นแบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออน ซึ่งปกติแล้วแบตเตอรี่จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพและหมดอายุในที่สุดอยู่แล้ว เพราะ เมื่อชาร์จไฟแบตเตอรี่ครบทุก ๆ 400 รอบชาร์จ ความจุไฟของแบตเตอรี่จะลดลง 20% โดย 1 รอบชาร์จ (Charge Cycle) นับจากแบตเตอรี่คายประจุจนหมดและการชาร์จไฟเข้าจนเต็ม จาก 0% ถึง 100%

แม้เราจะห้ามความตายแบตเตอรี่ไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ยืดอายุขัย (Lifespan) ของแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น คือแทนที่อาจจะใช้ได้ 7 ปีแล้วพัง แต่เราอาจจะใช้แบตเตอรี่ได้ถึง 10 ปี ถ้าเรายืดเวลาการใช้งาน (Battery Life) ต่อแต่ละ 1 รอบชาร์จให้นานขึ้น

พูดแบบง่าย ๆ ถ้าเราอยากให้แบตเสื่อมช้าที่สุด สิ่งที่ต้องทำก็คือ ใช้พลังงานจากแบตให้น้อยที่สุด ยิ่งแต่ละรอบการชาร์จยิ่งแบตโทร์ศัพท์หมดช้า ก็จะยิ่งยืดอายุขัยของแบตเตอรี่ได้นานขึ้น

วิธีการประหยัดพลังงาน แบตโทรศัพท์ ให้ใช้งานได้อึดขึ้น

1. ลดแสงสว่างหน้าจอ

แสงหน้าจอยิ่งสว่างมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเท่านั้น ทำให้แบตเราหมดไวขึ้น ทางที่พี่ทุยแนะนำก็คือปรับความสว่างหน้าจอให้พอดีกับแสงรอบตัว เช่น อยู่ในที่ร่มก็ปรับแสงให้มืดลงหน่อย เมื่อออกกลางแจ้งค่อยปรับให้สว่างสู้แสงธรรมชาติ หรือจะตั้งแสงหน้าจอเป็นโหมดปรับอัตโนมัติก็ได้ แต่ก็อย่าลืมว่าการอ่านต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอนะ

2. ลดเวลาการใช้หน้าจอ

บางทีเราแค่เปิดเพลงฟังจากสมาร์ทโฟน ไม่ได้ใช้อะไรบนหน้าจอ ช่วงเวลานี้ก็พักหน้าจอเป็น Save Mode ก็ได้ จะช่วยการลดการใช้แบตเตอรี่ได้ หรือจะตั้งค่าโทรศัพท์ให้พักหน้าจออัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานก็ยิ่งดี

3. ลดการใช้งานฟังก์ชันที่เปลืองพลังงาน

เช่น การเล่นวิดีโออัตโนมัติ การเข้าถึงตำแหน่ง และการแจ้งเตือน ถ้าเราเปิดใช้งานรับข้อมูลแบบพุช (Push) อุปกรณ์ของเราจะตรวจหาการรับข้อมูลใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน

แม้ว่าหัวใจของการยืดอายุแบตเตอรี่ คือ ยิ่งใช้น้อย ยิ่งพังช้า แต่ก็อย่าลืมชั่งน้ำหนัก ระหว่างใช้โทรศัพท์ให้เต็มอรรถประโยชน์กับการถนอมอายุขัยของแบตเตอรี่ เพราะอย่างไรก็ดี เราซื้อสมาร์ทโฟนก็มาเพื่อใช้อำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต มิหนำซ้ำหลายคนใช้มันเป็นเครื่องมือหากินอีกต่างหาก แม้ว่าวิธีต่าง ๆ จะช่วยประหยัดพลังงานได้จริง แต่ก็อย่ากดดันจนลำบากตัวเองจนเกินไป

การชาร์จไฟที่เป็นมิตรกับอายุแบตเตอรี่

นอกจากใช้พลังงานจากแบตเตอรี่แบบประหยัดแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ คือการเข้าใจธรรมชาติของแบตเตอรี่ในโทรศัพท์ของเรา

1. แบตเตอรี่ไม่ชอบความร้อน

สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ใช้แบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออน ซึ่งจะมีอิเล็กโทรไลต์เหลวอยู่ภายใน ซึ่งเป็นตัวกลางที่ทำให้เกิดการแลกประจุระหว่างชั้นลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์และกราไฟท์ ที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีที่ให้พลังงานไฟฟ้าออกมา

อิเล็กโทรไลต์เหลวนั้นไม่ชอบความร้อน ณ ที่อุณหภูมิสูงอิเล็กโทรไลต์เหลวจะเริ่มสลายตัว ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น

พี่ทุยพาไปดูผลการทดลองที่หาความสัมพันธ์ระหว่างแบตเตอรี่กับความร้อน โดยแบตเตอรี่แรก จะชาร์จไฟทิ้งเอาไว้ 40% ส่วนอีกก้อนจะชาร์จไฟทิ้งเอาไว้ 100% และวางแบตเตอรี่ทิ้งไว้เฉย ๆ เป็นเวลา 1 ปี ผลปรากฎว่า เมื่อความร้อนสูงขึ้น แบตเตอรี่ก็จะยิ่งเสื่อมเร็วขึ้นด้วย

cr. batteryuniversity.com

ดังนั้น บางครั้งจึงมีการแนะนำให้ปลดเคสโทรศัพท์ขณะชาร์จไฟ เพื่อระบายความร้อนของตัวเครื่อง และไม่แนะนำให้ใช้งานโทรศัพท์ไปพร้อม ๆ กับการชาร์จไฟ เพราะจะทำให้มีการอัดไฟเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดความร้อนที่สมาร์ทโฟนมากขึ้นตาม

เช่นเดียวกับ Fast Charge ที่เป็นการชาร์จไฟอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มกำลังไฟฟ้าให้มากขึ้น ที่ทั่วไปอาจจะชาร์จไฟที่กำลัง 18 วัตต์ แต่สมาร์ทโฟนบางเครื่องอาจรองรับที่ 45 วัตต์ แม้สมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาพร้อมสำหรับ Fast Charge จะมีความปลอดภัย แต่ความร้อนที่มากขึ้น ก็ย่อมส่งผลต่ออายุของแบตเตอรี่แน่นอน การชาร์จช้า ๆ จึงช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้

ส่วน ณ ที่อุณหภูมิหนาวเย็นจัด สมาร์ทโฟนอาจใช้งานได้ช้าลงเล็กน้อย เพราะว่าลิเธียมไอออนเคลื่อนที่ช้าลง ซึ่งหมายความว่าแบตเตอรี่อาจไม่สามารถจ่ายพลังงานให้กับส่วนประกอบได้มากเท่าที่ควรหากข้างนอกอากาศเย็นจริง ๆ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนั้นแค่เล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้เชื่อมโยงกับความเสียหายถาวรของแบตเตอรี่

2. อย่าปล่อยแบตเตอรี่เหลือแค่ 0% และไม่ควรชาร์จไฟจนเต็ม 100%

มีการแนะนำว่า เราควรชาร์จไฟแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20% – 80%

สาเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะปฏิกิริยาการให้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ คือจากการแลกประจุระหว่างชั้นลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์และชั้นกราไฟท์ การที่พลังงานในแบตเตอรี่อยู่ที่ 0% หรือ 100% จะทำให้มีประจุไปอัดแน่นอยู่ในชั้นใดชั้นหนึ่งมาก จนทำให้ชั้นชั้นขยายตัว เกิดความเครียดทางกายภาพ

ดังนั้น จุดที่สมดุลที่ทำให้แบตเตอรี่มีภาระน้อยที่สุด ก็คือ 50% จึงแนะนำว่าการเก็บประจุไว้ระหว่าง 20% ถึง 80% จะช่วยลดช่วงเวลาที่ลิเธียมไอออนไปแออัดที่ชั้นใดชั้นหนึ่ง ช่วยลดการเสียหายของแบตเตอรี่ลงได้

เช่นเดียวกับอีกคำแนะนำที่คงเคยได้ยินกันมาบ้าง คือเมื่อเราต้องการพักเก็บสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ก็ควรชาร์จแบตเตอรี่ไว้ที่ 50% และปิดเครื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังแบตเตอรี่เพิ่มเติม

ส่วนการชาร์จแบตข้ามคืนก็ไม่ดีเหมือนกัน เพราะจะทำให้แบตเตอรี่อยู่ในระยะ 100% เป็นเวลานาน

Fun Fact :

อันที่จริงแล้วแม้ว่าแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 100% แต่ก็ยังมีที่ว่างพอให้ชาร์จไฟได้อีก

นั้นเป็นเพราะการชาร์จไฟ คือการที่ทำให้ลิเธียมไอออนหลุดจากชั้นลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์ไปยังชั้นกราไฟท์

เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เกิน 100% มันก็คือการดึงลิเธียมไอออนจากชั้นลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์มากเกินไป และอาจทำให้โครงสร้างของลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์พังทลายลงมา

เป็นเหตุผลที่ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนกำหนดขีดจำกัดของปริมาณการชาร์จในแบตเตอรี่ โดยส่วนใหญ่จะตั้งค่าไว้ ให้ดึงลิเธียมไอออนออกไปเพียงครึ่งเดียวจากชั้นลิเธียมโคบอลต์ออกไซด์

ค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่

ถึงที่สุดแล้วแบตเตอรี่ก็มีอายุขัยของมัน ยิ่งใช้ไปนาน ๆ แบตก็จะเสื่อมลง แม้ชาร์จไฟเต็ม 100% เหมือนเดิม แต่ก็ไม่สามารถใช้ตลอดวันได้เหมือนเก่า การเปลี่ยนแบตใหม่ก็อาจจะชุบชีวิตสมาร์ทโฟนเพื่อนเก่าให้กลับมาแรงเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง

อย่างตระกูล iPhone พวกรุ่นเก่า ๆ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 1,600 บาท ส่วนตั้งแต่รุ่น iPhone X ขึ้นไป ราคาการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะอยู่ที่ 2,300 บาท ส่วนตระกูล Android เช่น Samsung ก็มีราคาเปลี่ยนแบตใหม่หลากหลาย ตั้งแต่ 900 – 1,400 บาท

ถ้าสมาร์ทโฟนเราเครื่องละหลายหมื่น การเปลี่ยนแบตหลักพันก็อาจจะคุ้มค่าอยู่ แต่ถ้าตัวเครื่องเราก็หลักพันเหมือนกัน ในความเห็นพี่ทุยเก็บเงินเพิ่มอีกนิดซื้ออีกเครื่องแทนเลยดีกว่า ได้ทั้งเครื่องใหม่ แถมสมาร์ทโฟนเดี๋ยวนี้พัฒนาไว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ ฟังก์ชันล้ำ ๆ ทั้งนั้น

สรุป วิธียืดอายุ “แบตโทรศัพท์” ของเราให้เสื่อมช้าลง

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย