ถ้าพูดถึงการ “ประกันภัย” นอกจากอุบัติเหตุต่างๆแล้ว ทุกคนก็ต้องนึกคนขายประกัน ที่จะติดตามเราทุกเช้าเย็น ทำไมประกันภัยถึงต้องแข่งขันกันขนาดนั้น จุดเริ่มต้นการประกันของโลกนี้มาจากไหน และจะทำประกันอย่างไรให้คุ้มค่า ไปร่วมหาคำตอบพร้อมๆกับพี่ทุยเลย
จุดเริ่มต้นของประกันภัย คืออะไร ?
เริ่มต้นตั้งแต่สมัยก่อนนู้นนน ไม่ทราบแน่ชัดว่าปีไหน แต่นานมากๆ เลยแหละ ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศจีนเฟื่องฟูด้วยการค้าขาย ซึ่งการขนส่งก็จะผ่านทางเรือเป็นหลัก ปัญหาก็คือ แม่น้ำแยงซีเกียงที่ถูกใช้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่งมักมีกระแสน้ำที่เชี่ยวและมีหินใต้น้ำที่จะทำให้เรือสินค้าเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ว่ากันว่า ถ้าเรือได้ผ่านแม่น้ำสายนี้ไป 100 ลำ จะเกิดอุบัติเหตุเฉลี่ย 1 ลำ ก็คือพ่อค้าจะมีโอกาส 1% ที่จะสูญเสียสินค้าทั้งลำ เมื่อความเสียหายเกิดขึ้นอาจจะทำให้พ่อค้าแต่ละคนถึงขั้นหมดตัวได้ ทำให้เกิดความกลัวในหมู่พ่อค้า จึงรวมกลุ่มเพื่อพูดคุยกันว่าหาทางออกของปัญหานี้
หลังจากผ่านการพูดคุย จึงได้ข้อสรุปออกมาว่า หลังจากนี้พ่อค้าแต่ละคนจะกระจายสินค้าของตัวเอง บรรทุกสินค้า 1 ลัง ต่อเรือ 1 ลำ ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุกับเรือลำไหน ก็ไม่ต้องกังวล เพราะพ่อค้าแต่ละคน ก็จะสูญเสียสินค้าแค่เพียงคนละ 1 ลังเท่านั้น และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของกระจายความเสี่ยง หรือ การทำประกันภายในกลุ่มนั่นเอง
ต่อมาเมื่อแนวคิดนี้ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ทำให้เกิดนายทุนที่พร้อมจะรับความเสี่ยงทั้งหมดเอาไว้เอง โดยพ่อค้าแต่ละคนก็ไม่จำเป็นต้องแบ่งของของตัวเองออกไปไว้ในหลายๆลำเรือ แค่เพียงมอบสินค้าให้กับนายทุน 1 ลัง ต่อการเดินทาง 1 ครั้ง เมื่อเรือเกิดอุบัติเหตุ นายทุนจะเป็นผู้จ่ายความเสียหายทั้งหมดให้กับพ่อค้า นายทุนเหล่านี้ก็ถือเป็นบริษัทประกันในยุคแรกๆ นั่นเอง
การทำประกันก็ได้พัฒนามาเรื่อยๆ จนมาเป็นบริษัทใหญ่เล็กมากมายในยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งโปรโมชั่นต่างๆ ที่ออกมาเพื่อแข่งขันกันมากมาย แต่ไม่ว่าจะมีโปรโมชั่นอะไร หรือ รูปแบบไหน จะทำแบบระยะสั้น หรือทำประกันเพื่อการเกษียณ สุดท้ายแล้วประกัน ก็คือสินค้าทางการเงินที่คล้ายกันทั้งหมด
ด้วยความที่การประกันภัยเป็นสินค้าทางการเงินที่เหมือนกัน ทำให้บริษัทขายประกันต่างๆแข่งขันที่สูงมาก “คนขายประกัน” จึงได้เข้ามาเป็นบทบาทสำคัญในการหาลูกค้านั่นเอง เมื่อผู้บริโภคไม่รู้จะทำประกันกับที่ไหน เพราะแต่ละบริษัทก็มีสินค้าเหมือนกันหมด การทำการตลาดแบบ Hard Sale จึงนิยมใช้กันอย่างมาก
ความน่าเชื่อถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนส่วนมากเลือกจากบริษัทประกันภัย การโฆษณาจึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นและแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของบริษัทประกันภัย หลายคนอาจจะเห็นโฆษณาหรือเจอกับคนขายประกันที่โทรมาบ่อยๆ พี่ทุยก็อยากให้เข้าใจ อย่าเพิ่งรำคาญพวกเขากันเลยนะ
“ประกันภัย” มีประโยชน์ แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา
แต่ละคนมีชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนเดินทางมาก บางคนเดินทางน้อย ดังนั้นการเลือกทำประกันของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน อย่างคนที่เดินทางบ่อย การทำประกันอุบัติเหตุจึงคุ้มค่ามากกว่าคนที่เดินทางน้อย เนื่องจากคนที่เดินทางมากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่า
ดังนั้นการทำประกันภัยในแต่ละอย่าง จะคุ้มหรือไม่คุ้ม อาจจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่เรามีก่อน ยิ่งถ้าเราประเมินความเสี่ยงให้ได้ออกมาเป็นตัวเลขได้มาก ก็จะยิ่งเอาไปใช้ในการตัดสินใจซื้อประกันได้มากขึ้น
นอกจากความเสี่ยงก็คือ ผลกระทบ ถ้าผลกระทบร้ายแรงมาก ถึงแม้จะความเสี่ยงน้อย ก็อาจจะต้องทำประกันไว้ก่อน ตัวอย่างเช่น โอกาสที่จะไฟไหม้บ้านเท่ากับ 0.01% แต่ถ้าไหม้ที คือทรัพย์สินทุกอย่างในชีวิตเราจะหายไปหมดเลย ถึงแม้โอกาสจะน้อย แต่ผลกระทบร้ายแรงขนาดนี้ ทำประกันไว้ อย่างน้อยก็ได้ความสบายใจแหละ
ถึงแม้ในปัจจุบันการประกันมีการพัฒนาจนมีการคุ้มครองในหลายรูปแบบ แต่ก็ยังแบ่งประเภทหลักๆ ได้เป็น 2 ประเภท นั่นก็คือ
1. การประกันชีวิต หมายถึง การประกันต่อความสูญเสียทางร่างกาย ทั้งเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุต่างๆ
ซึ่งก็มีทั้งแบบชั่วระยะเวลาหรือแบบตลอดชีวิต ก็สามารถเลือกได้ จะทำแบบบำนาญเก็บสะสมไว้ในวัยเกษียณ อย่างเช่นประกันสังคม เป็นต้น
2. การประกันทรัพย์สิน หรือที่เรียกว่าการประกันวินาศภัย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
คือ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยทางรถยนต์ การประกันภัยทางทะเล และการประกันเบ็ดเตล็ด
พี่ทุยว่าการทำประกันเป็นสิ่งที่ดีนะ เพราะความเสี่ยงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ควรบริหาร ในการวางแผนทางการเงิน การทำประกันนอกจากจะปลอดภัยจากความเสี่ยงแล้ว ยังทำให้เราสบายใจด้วย ลดทั้งความเสี่ยงลดทั้งความกังวล คุ้มค่าจะตายเนอะ
แต่การจะทำประกันทุกอย่างในชีวิต ทำไว้มากเกินความจำเป็น อาจจะทำให้เราสูญเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ การเลือกทำประกัน ควรจะคำนวณถึงความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นหลัก เพราะเบี้ยประกันสมัยนี้ก็ไม่ใช่ถูกๆ รับความเสี่ยงไว้เอง อีกส่วนหนึ่งกระจายความเสี่ยงด้วยประกัน เลือกทำเฉพาะที่จำเป็นก็พอ
ส่วนถ้าใครจะเลือกทำประกันกับบริษัทไหน ในบทความนี้พี่ทุยไม่ขอแนะนำนะ อิอิ แต่ไม่ว่าจะเลือกทำประกันอะไร กับบริษัทไหน ก็ควรจะอ่านเงื่อนไขให้ดีเป็นสำคัญ แค่นี้ก็จะได้ประกันที่ถูกใจ สบายหายห่วง