มีข่าวออกมาว่า ประธานาธิบดี Joe Biden ถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ Kamala Harris คือตัวเต็งที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับ Donald Trump คนต่อไป แล้ว Kamala เป็นใคร ทำไมได้รับการสนับสนุนในการท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน Joe Biden วันนี้พี่ทุยจะมาสรุปให้ฟัง
สรุปเหตุการณ์โจ ไบเดน ถอนตัวชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
พี่ทุยขอสรุปให้ฟังถึงที่มาที่ไปที่ทำให้ Joe Biden ถอนตัวในครั้งนี้
- 27 มิ.ย. 2024 Biden กับ Trump ขึ้นเวทีดีเบตที่จัดโดยสำนักข่าว CNN ซึ่งเวทีนี้ ทำให้ Biden ถูกตั้งขอสังเกตเกี่ยวกับศักยภาพในการลงสมัครแข่งขัน เพราะพูดจาสับสน งุนงง
- 28 มิ.ย.2024 เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้ Biden ลาออกจากการแข่งขันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
- 30 มิ.ย. 2024 มีการเผยแพร่ผลสำรวจออกมาว่า คะแนนความนิยมของ Biden ลดลงอย่างมาก หลังจากจบดีเบต โดยเหลือเพียง 27% จากที่ต้นเดือน มิ.ย. ยังอยู่ที่ 35%
- 2 ก.ค. 2024 Lloy Doggett เป็นสมาชิกสภาคองเกรสคนแรกที่ออกมาเรียกร้องให้ Biden ถอนตัวจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
- 3 ก.ค. 2024 สมาชิกพรรคเดโมแครตเริ่มส่งจดหมายเรียกร้องให้ Biden ถอนตัวจากการแข่งขัน ขณะที่ Biden ยังยืนยันจะอยู่ในการแข่งขันนี้
- 11 ก.ค. 2024 ทั่วโลกจับจ้องท่าทีของ Biden ภายหลังการแถลงข่าวประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เมื่อเขาเรียกชื่อผู้นำยูเครนผิดเป็นชื่อของ Putin ประธานาธิบดีรัสเซีย
- 17 ก.ค. 2024 แรงกดดันให้ Biden ถอนตัวยิ่งมากขึ้น หลังจาก Trump ถูกลอบสังหารขณะปราศรัยหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ขณะที่ทำเนียบขาว รายงานว่า Biden เป็นโควิด-19 และได้ยกเลิกการปรากฎตัวต่อหน้ากลุ่มผู้สนับสนุนชาวละตินที่สำคัญ
- 21 ก.ค. 2024 Biden ต่อสายตรงถึง Kamala Harris, Jeff Zients และ และ O’Malley Dillon หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เพื่อร่างจดหมาย ซึ่งระบุว่า เขาตัดสินใจถอนตัวจากการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยหน้าแล้ว ก่อนจะเผยแพร่ไปยังโซเชียลมีเดีย
- พรรคเดโมแครตได้รับเงินบริจาคเพิ่มขึ้น 250 ล้านดอลลาร์ ภายใน 2 วันหลังไบเดนประกาศถอนตัว
สรุปแถลงการณ์ของ Joe Biden ถึงชาวอเมริกัน
- กล่าวถึงสิ่งที่ทำใน 3 ปีครึ่งที่ผ่านมาในฐานะประธานาธิบดี ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างชาติ ลดต้นทุนยาสำหรับผู้สูงอายุ ขยายบริการทางสุขภาพที่เข้าถึงได้ให้คนอเมริกัน ผ่านกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี แต่งตั้งผู้หญิงแอฟริกากันอเมริกันคนแรกดำรงตำแหน่งในศาลสูง และผ่านกฎมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สำคัญสำหรับโลก
- กล่าวว่ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวงที่ได้รับใช้ในฐานะประธานาธิบดี
- แม้ว่าจะมีความต้องการสมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง แต่ยอมรับว่า การตัดสินใจถอนตัวจะเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับพรรคเดโมแครตและประเทศ
- จะออกมาเปิดเผยรายละเอียดที่มากขึ้นเกี่ยวกับการตัดสินใจในครั้งนี้
- ขอบคุณ Kamala รองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่ไม่ธรรมดาในทุก ๆ งานที่ทำ และขอให้ชาวอเมริกันเชื่อมั่น พร้อมสนับสนุน Kamala Harris ที่จะมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแทนเขาต่อไป
คราวนี้ พี่ทุยจะขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Kamala Harris ว่า เธอคนนี้คือใคร และทำไมถึงได้รับการสนับสนุนให้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนต่อไป แทน Biden
รู้จัก Kamala Harris คือใคร?
- ชื่อเต็ม Kamala Devi Harris
- เกิดวันที่ 20 ต.ค. 1964
- เป็นลูกสาวของผู้อพยพเชื้อสายจาไมก้า และอินเดีย
- เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต
- เคยเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงปี 2011-2017
- เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2017-2021
- เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2021 ภายใต้การนำของ Joe Biden ประธานาธิบดี จนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นผู้หญิงคนแรก และยังเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน และเอเชียน-อเมริกันคนแรก ที่ขึ้นรับตำแหน่งสูงสุดนี้ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
- ปี 2020 Kamala เคยเป็นหนึ่งในผู้หาเสียงเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งแม้ว่าบนเวทีดีเบตจะได้รับความสนใจอย่างมาก แต่รายงานจากสื่อก็ออกมาหลากหลาย ทั้งในประเด็นที่ยังไม่เห็นข้อเสนอนโยบายที่น่าสนใจ รวมถึงเงินทุนสนับสนุน ทำให้ต้องระงับการรณรงค์หาเสียงในช่วงหลายเดือน ก่อนการประชุมพรรคเดโมแคต
- Biden ให้ Kamala ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯเป็นคู่หูของเขาตั้งแต่ปี 2021 รวมทั้งมอบหมายภารกิจสำคัญให้เธอ รวมถึงปัญหาท้าทายเรื่องการสกัดกั้นการอพยพเข้าเมือง ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญของพรรคเดโมแครตแต่เธอได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการปัญหานี้
- Kamala ประสบความสำเร็จกับแคมเปญการเมืองอื่น โดยเฉพาะประเด็นปกป้องสิทธิในการทำแท้งถูกกฎหมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวคาทอลิกไม่สบายใจ
เกิดอะไรขึ้นกับตลาดการเงิน หลัง Biden ถอนตัว และเสนอชื่อ Kamala Harris ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทน
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับขึ้นทันที หลังแถลงการณ์ Biden ออกมา
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง หลังจากข่าว Biden ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะมองว่า จะช่วยให้ Trump มีโอกาสลดลงในการกลับมาเป็นประธานาธิบดี และทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
- เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อย หลัง Biden ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน
- สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ยังคงปรับขึ้นต่อเนื่อง ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในสหรัฐฯ
- แม้ความไม่แน่นอนทางการเมือง จะไม่เป็นผลดีต่อตลาดการลงทุน แต่กรณี Biden ถอนตัว และเสนอ Kamala ขึ้นชิงตำแหน่งแทน เป็นเรื่องที่ตลาดคาดการณ์มานานแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด
- นักวิเคราะห์ในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ มองว่า ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายอะไรที่สำคัญจากนโยบายที่ Biden นำเสนอไว้ จากการที่ Kamala จะขึ้นมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แทน
ปฏิกิริยาของ Trump หลัง Biden ถอนตัว และเสนอ Kamala ท้าชิงแทน
- Trump ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่าง ๆ หลัง Biden ถอนตัวว่า Biden เป็นประธานาธิบดีที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ และเขาไม่ควรจะมาชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่แรก
- Trump มองว่า การเอาชนะ Kamala ง่ายกว่า Biden โดยมองว่าเธอมีจุดอ่อน 2 ประเด็น ที่จะทำให้เอาชนะได้ ในการเลือกตั้งเดือน พ.ย. 2024 ได้แก่ ประเด็นการย้ายถิ่นฐาน และค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งอาหารและเชื้อเพลิง รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นไปมากช่วงที่ผ่านมา ที่ทำให้คนมีความสามารถในการซื้อบ้านลดลง
ซึ่งผลสำรวจคะแนนนิยมของเธอตอนนี้ก็ยังน้อยกว่าทรัมป์อยู่เล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะเหนือกว่าโจ ไบเดน อยู่บ้าง
มาถึงตรงนี้ พี่ทุยมองว่า ถึงแม้ Biden จะเสนอชื่อ Kamala เป็นผู้ท้าชิงคนต่อไป แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่า เรื่องนี้จะเป็นจริง 100% แล้วแน่ ๆ เพราะว่า จากที่ดูผลสำรวจของสื่อสำนักต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ก็ยังพบว่า เสียงที่ระบุว่าเห็นด้วยในการเสนอชื่อ Kamala ลงแข่งขันแทน ก็ยังคงน้อยกว่าเสียงที่ไม่สนับสนุนอยู่
ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. 2024 ดังนั้น นับจากนี้ไปก็ยังมีช่วงเวลาที่จะพลิกโผได้อีก ฉะนั้น พี่ทุยมองว่า คงต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งนี้ให้ดี เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งในสหรัฐฯ มีผลต่อความเคลื่อนไหวของโลกการลงทุนแน่นอน ไม่เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่รวมถึงตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกด้วย เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
ฉะนั้น หากมีนโยบายเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน หรืออะไรออกมา ที่มีผลต่อคู่ค้าอื่น ๆ ทั่วโลก ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น ๆ ไปด้วย
อ่านเพิ่ม