ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2563 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศเปลี่ยนแปลงการคิด “ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่” โดยมีผลเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่มีปัญหาและลดโอกาสเกิดหนี้เสียในระบบด้วย
หนี้ที่อยู่ในเงื่อนไข การคิด “ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่”
ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ที่คิดด้วยวิธีคิดแบบใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ที่เราคุ้นเคยกัน โดยวิธีคิดแบบใหม่นั้นจะคิดในสินเชื่อทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน
1. สินเชื่อที่อยู่อาศัย
2. สินเชื่อ SMEs
3. สินเชื่อส่วนบุคคล
ทำไมต้องเปลี่ยนวิธีคิดดอกเบี้ยเป็นแบบใหม่ ?
การเปลี่ยนวิธีคิดนี้นั้น ผู้กู้หรือลูกหนี้จะเป็นฝ่ายได้รับผลประโยชน์แน่ ๆ เพราะแบบเดิมนั้น หากเราลืมจ่ายหรือผ่อนชำระค่างวดไม่ได้ เราจะถูกคิดดอกเบี้ยบนฐานของ “เงินต้นคงค้างทั้งหมด” ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูง ทำให้คนที่ประสบปัญหาทางการเงิน แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด จะต้องรับภาระซ้ำซ้อนทั้งมีปัญหาทางการเงินและยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายจากหนี้มากยิ่งขึ้นอีก
การปรับ “ดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้แบบใหม่” จะคำนวณจากเงินต้นใน “งวดที่ผิดนัดชำระหนี้” เท่านั้น แถมยังมีช่วงผ่อนผันไม่คิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้อีกด้วย หรือที่เรียกว่า (Grace Period) อีกสิ่งนึงที่สำคัญคือในคนที่มีปัญหาทางการเงิน หากภาระในจุดนี้ลดลงได้ โอกาสที่ลูกหนี้จะกลับมาตั้งตัวและกลับมาชำระหนี้ตามปกติก็มีส่วนเพิ่มมากขึ้น ในมุมของเจ้าหนี้ ต่อให้ได้ค่าปรับลดลงแต่ก็ช่วยลดอัตราการเกิดหนี้เสีย ไปได้ไม่มากก็น้อย
ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในต่างประเทศ (สินเชื่อที่อยู่อาศัย)
ตัวอย่างการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้
หากกู้ซื้อบ้าน 5 ล้านบาท ผ่อนชำระ 30 ปี ที่ดอกเบี้ยเงินกู้ 8% ต่อปี จะเสียค่างวดอยู่ที่ประมาณเดือนละ 37,000 บาท หากชำระค่างวดมาแล้ว 24 งวด แล้วลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายค่างวดในงวดที่ 25 ได้ จะถูกดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ 15% ต่อปี โดยการคำนวณแบบเดิมจะคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือทั้งหมดตั้งแต่งวดที่ 25 จนถึงงวดสุดท้ายงวดที่ 360 ยอดหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 4.91 ล้านบาท
* 7% คิดจากดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ 15% – ดอกเบี้ยเงินกู้ 8% เมื่อรวมค่างวด 33,000 บาท จะเท่ากับ 61,249.32 บาท
ส่วนการคิดแบบใหม่จะคิดจากเงินต้นในงวดที่ผิดนัดชำระหนี้ โดยในงวดที่ 25 นั้น จะมีค่างวดอยู่ที่ 37,000 บาท โดยจะแบ่งเป็นเงินต้นประมาณ 4,000 บาท และเป็นดอกเบี้ยในงวดที่ 25 อยู่ที่ประมาณ 33,000 บาท ดังนั้นเมื่อคิดจากวิธีใหม่จะคิดดอกเบี้ยจากยอด 4,000 บาทเท่านั้น
* 7% คิดจากดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ 15% – ดอกเบี้ยเงินกู้ 8%
เมื่อรวมค่างวด 33,000 บาท จะเท่ากับ 33,023.01 บาท จะเห็นได้ว่าการปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบใหม่ทำให้ประหยัดเงินไปถึง 28,226.31 บาทต่องวด ถือว่าช่วยทำให้ผู้กู้หายใจหายคอได้คล่องขึ้น
เรื่องที่ควรรู้ไว้หากตัวเองเริ่มผ่อนหนี้ไม่ไหว
ถึงแม้การคำนวณดอกเบี้ยแบบใหม่จะช่วยลูกหนี้ให้ประหยัดค่าใช้จ่ายกรณีผิดนัดชำระหนี้ไปได้มาก แต่เราก็ควรระวังและไม่ควรค้างชำระหนี้ถ้าไม่จำเป็น เพราะหากเราค้างชำระหนี้ 1-2 เดือนขึ้นไปจะถูกทวงถาม และหากยังชำระหนี้ไม่ได้อาจถูกฟ้องและดำเนินคดี ซึ่งอาจถูกเรียกค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีบวกเพิ่มไปจากหนี้สินอีกด้วย
ดังนั้นหากเราเริ่มผ่อนไม่ไหวหรือรู้ตัวแล้วว่ากำลังจะผ่อนไม่ได้ การหนีหนี้เป็นสิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด ลองเข้าไปติดต่อเจ้าหนี้โดยอาจ ขอลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายในแต่ละงวดลง ลดดอกเบี้ย หรืออาจจะเปลี่ยนเจ้าหนี้โดยการ Refinance
เพราะการ Refinance ก็จะช่วยให้เราสามารถต่อรองกับเจ้าหนี้ได้มากขึ้น อาจได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ผ่อนต่องวดลดลง หรือยืดอายุให้มากขึ้นได้เช่นกัน โดยการ Refinance ส่วนใหญ่แล้วในปีแรก ๆ จะมีดอกเบี้ยที่ค่อนข้างถูก เพื่อจูงใจให้คนมาใช้บริการกัน ถ้ามีปัญหาลองตั้งสติและลองหาทางออกดี ๆ อย่าวิ่งหนีปัญหาเพราะจะยิ่งทำให้ปัญหานั้นแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ
Comment