สรรพากรออกกฎใหม่ เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ เริ่มปี 2567

สรรพากรออกกฎใหม่ เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ เริ่มปี 2567

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • กรมสรรพากรออกแนวปฏิบัติให้เก็บภาษีเงินได้ผู้ที่อยู่ในไทย ที่มีเงินได้จากต่างประเทศ ไม่ว่ารายได้จะเกิดจากปีภาษีไหน ถ้านำเข้ามาปีภาษีใดก็ต้องเสียภาษีในปีภาษีนั้น
  • คำสั่งนี้กระทบกับ ผู้ที่อยู่ในไทยเกิน 180 วัน และมีเงินได้จากต่างประเทศ ได้แก่ หน้าที่การงานในต่างประเทศ กิจการที่ทำในต่างประเทศ ทรัพย์สินที่อยู่ในต่างประเทศ เช่น ไปลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ
  • ไม่อยากเจอภาษีตามแนวปฏิบัตินี้ ก็ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศ ลงทุนผ่าน DR หรืออย่าอยู่ไทยเกิน 180 วันในปีภาษีที่นำเงินกลับมา หรือไม่นำเงินกลับมาเลย แล้วเอาไปใช้จ่ายในต่างประเทศ

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

มีข่าวออกมาล่าสุดว่า กรมสรรพากรเตรียม เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้น ซึ่งก็ทำเอาเหล่านักลงทุนที่ขนเงินไปลงทุนในต่างประเทศแบบเต็มสตรีม ว้าวุ่นใจไม่น้อย เรื่องราวมันเป็นยังไง จริง ๆ แล้วต้องกังวลแค่ไหน ใครกันนะที่ได้รับผลกระทบ และถ้าไม่อยากโดนเก็บภาษีต้องทำยังไง วันนี้พี่ทุยจะเล่าให้ฟัง 

สรุปเกณฑ์ใหม่ เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ 2567

พี่ทุยข้อมูลสรุปสำคัญตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.161/2566 มาให้

คำสั่งนี้เกี่ยวกับอะไร

  • การเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 41 วรรคสอง แห่งประมวลรัษฎากร
  • เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับเจ้าพนักงานสรรพากร

บังคับใช้อย่างไร

สรรพากรออกกฎใหม่ เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ เริ่มปี 2567

เหตุผลที่กรมสรรพากรวางแนวปฏิบัติใหม่

ต้องการให้ผู้มีเงินได้จากแหล่งเงินได้นอกประเทศ เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในไทยให้ชัดเจน เพื่อการจัดเก็บภาษีเป็นธรรมมากขึ้น

คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวปฏิบัติ

  • ถ้าผู้มีเงินได้ถูกเก็บภาษีในประเทศแหล่งเงินได้ไปแล้ว และประเทศนั้นมีการทำอนุสัญญาภาษีซ้อนกับไทย สามารถนำภาษีที่ถูกเก็บไป มาใช้เป็นเครดิตภาษีได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในอนุสัญญาภาษีซ้อน 

(อนุสัญญาภาษีซ้อน คือ ประเทศแหล่งรายได้ กับประเทศที่ส่งกลับรายได้ มีการทำสัญญาตกลงกันไว้ ว่าใครจะเก็บภาษี เพื่อไม่ให้มีการเก็บภาษีซ้ำซ้อนในเงินได้ตัวเดียวกัน โดยเอาภาษีที่เสียไปแล้วกับประเทศต้นทาง มาเป็นเครดิตภาษี เพื่อลดภาระภาษีส่วนนี้ในไทยไป) 

ก่อนหน้านี้บังคับใช้อย่างไร

ก่อนหน้านี้บังคับใช้อย่างไร

พี่ทุยต้องบอกว่า สิ่งที่แตกต่างกันของแนวปฏิบัติก็คือ ก่อนหน้านี้ เงินได้จากต่างประเทศจะถูกนำมาคำนวณภาษี ก็ต่อเมื่อ ผู้ที่อยู่ในไทยเกิน 180 วัน มีเงินได้จากต่างประเทศเกิดในปีนั้น และนำเงินได้กลับเข้ามาในไทยในปีภาษีเดียวกันนั้นเลย  

แปลว่า ถ้าปีที่ผ่านมา อยู่ในไทยเกิน 180 วัน มีเงินได้จากต่างประเทศ แต่ยังไม่นำกลับเข้ามาในไทยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ก็เท่ากับไม่ถูกเก็บภาษี ซึ่งก็ทำให้นักลงทุนยึดหลักการนี้มาตลอด เพื่อไม่ให้ถูกเก็บภาษีนั่นเอง 

ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบจาก เก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศ ด้วยแนวปฏิบัติใหม่

ผู้มีเงินได้จากต่างประเทศ + อยู่ไทยเกิน 180 วัน 

  • ทำงานในต่างประเทศ 
  • ไปทำธุรกิจในต่างประเทศ 
  • มีรายได้จากทรัพย์สินในต่างประเทศ เช่น ไปลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ สินทรัพย์ทางเลือก ซึ่งมีผู้ดูแล (Custodian) อยู่ในต่างประเทศ  (ส่วนใหญ่คือกลุ่ม Private Banking)

ใครบ้างที่ไม่ได้รับผลกระทบ

  • ผู้ลงทุนผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ ที่มีบริษัทจัดการกองทุนรวมที่จดทะเบียนในไทยเป็นผู้ออก
  • ลงทุนผ่าน DR หรือ Depositary Receipt ซึ่งเป็นตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ  ที่จดทะเบียนให้ซื้อขาย เหมือนหุ้น โดยผู้ออก DR เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. จะเป็นผู้ที่ไปซื้อหุ้นต่างประเทศมา แล้วเอามาเสนอขายให้ผู้ลงทุนไทยในรูปสกุลเงินบาทอีกทอด
  • มีเงินได้จากต่างประเทศ อยู่ไทยเกิน 180 วัน แต่เสียภาษีในประเทศที่มีเงินได้ไปแล้ว ซึ่งอัตราภาษีสูงกว่าไทย และมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับไทย นำภาษีที่เสียมาเป็นเครดิตภาษีได้ 

จะเห็นได้ว่า ถ้าลงทุนในหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ที่ออกอยู่ในไทย แม้ว่าหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์นั้นจะมีการไปลงทุนในต่างประเทศ ก็จะไม่เข้าข่าย การมีรายได้จากทรัพย์สินในต่างประเทศ

ใครได้ประโยชน์จากแนวปฏิบัตินี้

  • กรมสรรพากรมีโอกาสเก็บภาษีได้มากขึ้น  
  • การเก็บภาษียุติธรรมกับคนที่มีรายได้ในประเทศที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่แล้ว แต่ไม่มีรายได้ในต่างประเทศ 
  • บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม เพราะมีโอกาสขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศได้มากขึ้น 
  • การซื้อขาย DR มีแนวโน้มคึกคักมากขึ้น 
  • ตลาดหุ้นไทย เพราะคนอาจจะนำเงินกลับมาลงทุนในประเทศมากขึ้น

ลงทุนทางอ้อมกองทุนและ DR ทางออกของนักลงทุนต่างประเทศที่ไม่อยากเสียภาษี

สำหรับประเด็นนี้สำหรับใครที่เป็น “นักลงทุน” ในไทยอยู่ แล้วอยากไปลงทุนในต่างประเทศโดยไม่ต้องห่วงเรื่องเสียภาษีตามแนวปฏิบัตินี้ให้วุ่นวาย ก็ควรเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือลงทุนผ่าน DR แทน

ส่วนผู้ลงทุนเดิมที่ไปลงทุนตรงในหลักทรัพย์ต่างประเทศก่อนปี 2566 มีเงินรอนำกลับเข้าประเทศอยู่แล้ว หากนำกลับเข้ามาก่อนสิ้นปี 2566 ก็ยังไม่ถูกเรียกเก็บภาษีตามกฎหมายนี้ เพราะกฎหมายเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 

แต่ในกรณีที่ลงทุนอยู่ในปี 2566 ถ้านำกลับมาภายในปี 2566 เลย ก็จะเสียภาษีตามหลักแนวปฏิบัติเดิม ที่อยู่ไทยเกิน 180 วัน มีรายได้ต่างประเทศในปีภาษีนั้นและนำกลับเข้าไทยในปีภาษีนั้น ยกเว้นว่า ปีนี้นับรวมทั้งปีแล้ว อยู่ไทยไม่ถึง 180 วัน ถ้านำกลับเข้ามาในไทยปีนี้ ก็จะไม่โดนเก็บภาษีเช่นกัน 

ในส่วนของคนที่ตั้งใจจะไปลงทุนในต่างประเทศโดยตรง หรือมีรายได้จากงาน จากกิจการในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ถ้าไม่อยากเสียภาษี ก็มีทางเลือกคือ

  1. นำเงินกลับเข้ามาในไทย แต่อยู่ในเมืองไทยอย่าเกิน 180 วัน เพื่อไม่ให้เข้าเกณฑ์เสียภาษี 
  2. อยู่เมืองไทยเกิน 180 วันปกติ แต่ไม่นำเงินลงทุนในต่างประเทศกลับเข้ามาในไทยเลย อาจจะเก็บไว้รอใช้จ่ายตอนไปอยู่ต่างประเทศ หรือเอาเงินไว้ต่างประเทศตลอดไป เป็นต้น 

ถ้าดูจากคำแนะนำนี้แล้ว พี่ทุยก็ต้องบอกว่า ถ้าคนมีเงินจำนวนมากลงทุนต่างประเทศเอง หลายคนก็มีกำลังทรัพย์ถึงขั้นที่จะไปมีที่อยู่อาศัยในต่างประเทศด้วยอยู่แล้ว 

เอาจริง ๆ กรมสรรพากร ก็ยากที่จะตามเก็บภาษีจากคนเหล่านี้อยู่ดี เรื่องที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์เรื่องการเก็บรายได้ได้มากขึ้น ก็อาจจะไม่ได้อย่างที่ใจคิด ตราบใดที่พวกเขา ไม่นำเงินกลับเข้าไทย แต่เลือกที่จะลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ ในต่างประเทศ และเก็บไว้ใช้จ่ายที่นั่น 

ขณะเดียวกันถ้ามองในมุมความเป็นธรรม ก็อาจจะไม่เป็นธรรมกับนักลงทุนรายย่อยเท่าไหร่นัก เพราะเหมือนไปจำกัดโอกาสการลงทุนในต่างประเทศของคนกลุ่มนี้ ซึ่งถ้าไปลงทุนในต่างประเทศแล้วต้องนำกลับมาเสียภาษีในไทย หักลบแล้วก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ ถ้าไม่มีเงื่อนไขปลีกย่อยในเรื่องอัตราภาษีที่เป็นธรรม 

ทั้งนี้ กรมสรรพากร เผยแพร่ข่าวระบุว่า จะร่วมหารือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีมีเงินได้จากแหล่งเงินได้นอกประเทศต่อไป

ฉะนั้น พี่ทุยมองว่า เรื่องของแนวปฏิบัติที่ออกมา คงไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะปัจจุบันยังไม่ได้มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า จะนับเงินได้จากต่างประเทศอย่างไร  หลายคนไปลงทุนต่างประเทศเป็น 10 ปีแล้ว อาจจะไม่ได้จัดทำตัวเลขกำไรขาดทุนที่ผ่านมาเอาไว้ ถ้านำกลับมาแล้วจะเสียภาษีอย่างไร 

ดังนั้นยังต้องติดตามเรื่องนี้กันอีกยาว ซึ่งก็ไม่แน่ว่า นี่อาจจะเป็นแค่การโยนหินถามทาง เหมือนไอเดียบรรเจิดหลาย ๆ อย่างที่เคยเกิดขึ้นช่วงที่ผ่านมา แต่สุดท้ายก็ปรากฎว่า ไม่ได้ใช้จริง 

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile