เวลาที่ "ขาดทุนหุ้น" เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ?

เวลาที่ “ขาดทุนหุ้น” เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ?

3 min read  

ฉบับย่อ

  • เวลาที่เรา “ขาดทุนหุ้น” นั่นแปลว่าเรามาผิดทาง เราอาจจะต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ จริง ๆ แล้วการเล่นหุ้นไม่มีถูกผิด ถ้ากำไรคือถูกทาง แต่ถ้าขาดทุนคือเรามาผิดทาง
  • ตลาดหุ้นเป็นตลาดแห่งความโลภ ทุกคนเข้ามาเพื่อหวังผลกำไรในระยะสั้น ๆ ตลาดหุ้นคือ Zero Sum Game คือมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในตลาดจะได้กำไร

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

การ “ขาดทุนหุ้น” เป็นปัญหานึงของคนที่เล่นหุ้นเลย ไม่ว่าจะเก่งมาจากไหนก็ขาดทุนได้เหมือนกันทุกคน แต่พี่ทุยว่าปัญหาอยู่ที่ว่าเวลาที่เราเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเราได้เรียนรู้อะไรจากการขาดทุนบ้างหรือเปล่าล่ะ ? สำหรับพี่ทุยก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลยนะเวลาเล่นหุ้นแล้วขาดทุนเนี้ย

1. เล่นพลาดจน “ขาดทุนหุ้น” แล้วให้จำ ห้ามพลาดแบบเดิมครั้งที่สอง

เวลาการลงทุนแล้วเราพลาดขาดทุน พี่ทุยว่าเป็นเรื่องปกตินะ โดยเฉพาะมือใหม่เอี่ยมที่เพิ่งเข้ามาในตลาด แต่ถ้ายังขาดทุนเพราะเหตุผลเดิมๆ พลาดแบบเดิมๆ พี่ทุยว่าต้องมีผิดปกติแล้วล่ะ เราต้องเชื่อตัวเองดีที่สุด ถ้าผิดจำเป็นบทเรียนที่ทรงคุณค่า กว่าเราจะรู้ว่ามีดคมก็ตอนที่โดนมีดบาดไปแล้ว ทุกครั้งที่หุ้นตกล้วขาดทุนอย่าลืมหาเหตุผลด้วยว่าเพราะอะไร เพื่อไม่ให้กลับไปพลาดแบบเดิมอีก

2. เล่นหุ้นแบบถัวซื้อหุ้นขาลงเป็นอะไรที่ผิดพลาดที่สุด

เมื่อก่อนตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆ พี่ทุยเป็นโรคยอมถัวหุ้นที่ราคาลงเยอะมาก ๆ ถ้าเป็นหุ้นตัวใหญ่ๆที่เจอเหตุการณ์บางอย่างเนี้ยไม่แปลกถือๆยาวได้ แต่เมื่อก่อนพี่ทุยไปถัวหุ้นปั่นขาลงบ่อยมาก (ฮ่า) แล้วก็หวังว่าราคาจะกลับมาที่เดิม

ตอนนั้นพี่ทุยไม่เข้าใจว่าไม่ใช่หุ้นทุกตัวที่ในระยะยาวราคาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นตรงนี้ก็เลยสอนพี่ทุยว่า การถัวซื้อหุ้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าจะถัวให้ถัวหุ้นที่เป็นขาขึ้นเท่านั้น เวลาจะดูว่าหุ้นตัวไหนเป็นขาขึ้น ขาลงเราจะต้องไปวิเคราะห์จากการเล่นหุ้นเชิงเทคนิคว่าหุ้นแบบไหนเรียกว่าขาขึ้น ขาลง แน่นอนว่าการถัวหุ้นที่เป็นขาขึ้นจะทำให้ต้นทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พี่ทุยว่าก็ยังดีกว่าต้นทุนเราลดลง แต่ราคาหุ้นลงไปต่ำกว่าทุนเรื่อย ๆ แบบนี้ก็ไม่ไหวนะ

3. เล่นหุ้นไม่มีวิธีการที่ตายตัว ถ้ากำไรแปลว่ามาถูกทาง ถ้าขาดทุนแปลว่ามาผิดทางแล้วล่ะ

เมื่อก่อนพี่ทุยพูดคุยกับเพื่อนที่เล่นหุ้นด้วยกัน (จริงๆเหมือนเถียงกันมากกว่า) ว่าวิธีการลงทุนแบบไหนที่จะทำให้ได้กำไรมากที่สุด หาเหตุและผลมาคุยกันอย่างออกรสออกชาติเลยแหละ พอเวลาผ่านพี่ทุยก็เข้าใจว่า ตลาดหุ้นไม่ได้มีแค่เหตุผลเรื่องของตัวเลขว่าผลประกอบการของบริษัทเป็นเท่าไหร่ แต่ตลาดหุ้นยังมีสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยอย่างนึงก็คือ “อารมณ์ของคน” ในตลาด

ดังนั้นตลาดหุ้นเลยไม่สามารถหาราคาแบบเป๊ะๆได้ว่าเป็นเท่าไหร่อย่างไร แล้วมันจะเป็นอย่างนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นก็เลยมีวิธีที่หลากหลายเล่นสั้นเล่นยาวได้ ดูงบการเงินก็ดี เล่นหุ้นตามกราฟก็ไม่เลวหรือจะผสมผสานกันก็ทำได้ ขอแค่วิธีที่เราทำแล้วได้กำไรเป็นอันจบ

4. ตลาดโดยรวมบวก ไม่ใช่หมายความว่าหุ้นที่เราถือจะบวกไปด้วย

เมื่อก่อนพี่ทุยเป็นผีเฝ้า SET Index เลยนะ วันๆเอาแต่ดูภาพตลาดหุ้นเขียวๆแดงๆ แต่พอเล่นหุ้นไปสักพักก็ทำให้พี่ทุยรู้ว่า SET มันคือค่าเฉลี่ยของหุ้นทุกตัวในตลาด ถ้า SET ส่วนใหญ่บวกก็จะมีส่วนน้อยที่ลงเสมอ เช่นเดียวกัน SET ติดลบก็ไม่จำเป็นว่าหุ้นที่ถือต้องลบตามนี่หน่า ถ้าจะเล่นหุ้นพี่ทุยแนะนำให้ดูที่หุ้นรายตัวก่อนดีกว่า เพราะง่ายต่อการติดตามและวิเคราะห์มากกว่า ส่วนถ้าใครชอบดู SET Index พี่ทุยแนะนำให้ใช้ TDEX หรือ Future น่าจะเหมาะกว่านะ

5. คนที่จะดูแลเงินเราได้ดีที่สุดก็ตัวเราเอง

ตลาดหุ้นเป็นตลาดแห่งความโลภ ทุกคนเข้ามาเพื่อหวังผลกำไรในระยะสั้นๆ ตลาดหุ้นคือ Zero Sum Game คือมีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนในตลาดจะได้กำไร ดังนั้นเราต้องปกป้องเงินของเราด้วยตัวเราเองเท่านั้น แล้วช่วงที่ผ่านมาหลายๆเคสก็น่าจะเห็นว่า แม้จะมีตำรวจคอยดูแลตลาดก็ไม่ได้ช่วยอะไรเราเท่าไหร่ ดังนั้นจงรับผิดชอบเงินตัวเราเองแบบ 100% เท่านั้น อย่าหวังว่าจะมีใครใจดีมาปกป้องเงินให้เรา เพราะทุกคนก็หวังจะได้กำไรเช่นเดียวกัน และตลาดหุ้นต้องมีคนที่จ่ายเสมอ

เวลาที่เราขาดทุนเราอาจจะเรียนรู้ไม่เหมือนกัน เพราะพี่ทุยว่าเราอาจจะขาดทุนกันคนละรูปแบบ แต่ขอแค่เราได้เรียนรู้ได้เรื่อยๆ ขาดทุน 100 ครั้ง แปลว่าเราก็จะไม่ผิดพลาดเรื่องเดิม 100 แบบ พี่ทุยว่าเราก็จะเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้นได้อย่างแน่นอน !! 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย