“ประกันชีวิต” เป็นสินค้าการเงินตัวนึงที่ดีมาก ๆ ถ้าเราเข้าใจและใช้ประกันชีวิตอย่างถูกวิธี ดังนั้นสิ่งเดียวที่จะช่วยทำให้เราเข้าใจประกันชีวิตอย่างถูกต้อง ก็คือ ความรู้เรื่องประกันชีวิตเนี้ยแหละ บทความนี้พี่ทุยเลยเอา 3 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตมาให้อ่านกัน เราไปดูกันเลย !!
1. ประกันชีวิตเป็นสินค้าการเงินเพียงตัวเดียวที่เอาไว้บริหารความเสี่ยง
ข้อดีที่สุดของประกันชีวิตก็คือการบริหารความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงเรื่องที่เราจะจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หรือแม้แต่เราจะมีชีวิตอยู่ที่ยาวนานเกินไป ประกันชีวิตก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ได้เป็นอย่างดี
บางคนที่ไม่ชอบประกันก็จะบอกว่าทำไปทำไมเพราะทำไปก็ไม่คุ้ม พี่ทุยว่าแนวคิดแบบนี้ก็แปลก ๆ อยู่เหมือนกันนะ ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เหมือนกับที่เราไปซื้อรถยนต์มาสักคัน พี่ทุยว่าส่วนใหญ่ก็ทำประกันจริงมั้ย ? เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะได้มีคนช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย พี่ทุยว่าน้อยคนแบบมากเลยนะ ที่จะคิดว่าเอาหน่ะทำประกันมาแล้ว ชนซะหน่อยเดี๋ยวไม่คุ้ม.. พี่ทุยว่าแบบนั้นก็คงไม่ใช่ ประกันชีวิตก็เหมือนกันนั่นแหละ..
แต่ประกันมีเอาไว้เผื่อในกรณีที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น นอกจากตกใจ เสียใจแล้ว ก็อย่าให้เหตุการณ์นั้นมากระทบถึงแผนการเงินหรือว่าเงินในกระเป๋าของเราเลยเนอะ
2. “ประกันชีวิต” มีหลายประเภท ต้องเลือกให้ดีก่อนทำ
ลองอ่านบทความนี้ดู ประกันชีวิตมีกี่ประเภท ? จะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าประกันชีวิตมีหลายประเภทมาก แต่ละประเภทก็เหมาะกับปัญหาคนละอย่าง ดังนั้นก่อนทำประกันชีวิตทุกครั้งอย่าลืมดูเป้าหมายการเงินของเราให้ดีก่อนเสมอ เพราะสินค้าการเงินถูกออกแบบมาให้แก้ปัญหาหนึ่งอย่าง ประกันชีวิตหนึ่งแบบก็ถูกออกแบบมาให้แก้ปัญหาหนึ่งอย่างเช่นกัน
3. จะทำประกันชีวิตแต่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ บอกได้เลยว่าไม่คุ้ม !
พี่ทุยขอใช้คำว่าข้อจำกัดละกันอันนี้ สำหรับประกันชีวิตนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบประกันที่กำหนดเราชัดเจนเลยว่าจ่ายเบี้ยกี่ปี คุ้มครองกี่ปี เรียกได้ว่ารู้กันล่วงหน้าเลยว่าเราต้องจ่ายเงินกี่บาท แล้วจะได้ทุนประกันเท่าไหร่ยังไง แล้วจะได้เงินคืนเมื่อไหร่
แต่ข้อจำกัดของการทำประกันชีวิตอยู่ที่ว่า ถ้าเกิดเราไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ตกลงกัน พี่ทุยบอกได้เลยว่าไม่คุ้มสักเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น เราจ่ายเบี้ยประกันไปปีละ 20,000 บาท แล้วปีต่อมาเกิดเงินขาดมือไม่มีเงินไปจ่าย จ่ายไม่ไหวก็ยกเลิกกรมธรรม์ พี่ทุยว่าปีแรกเราแทบจะไม่ได้เงินคืนสักบาทเลยล่ะ.. ดังนั้นการทำประกันชีวิตที่ดีที่สุดก็คือปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมธรรม์นั่นเอง
แต่พี่ทุยต้องบอกว่าไม่เสมอไป เพราะก็มีอยู่บางกรณีเหมือนกันที่ยกเลิกกรมธรรม์ก็ดูจะคุ้มกว่า เช่น เราจ่ายเบี้ยประกันปีๆนึงเยอะจนเกินไป จนจ่ายไม่ไหว การยกเลิกไปบางเล่มกรมธรรม์ก็เป็นทางเลือกเช่นเดียวกัน
พี่ทุยยืนยันอีกครั้งว่าประกันชีวิตเป็นสินค้าการเงินที่ดีตัวนึง มันสามารถแก้ปัญหาที่สินค้าการเงินตัวอื่นแก้ไขไม่ได้ แต่อาจจะเพราะด้วยภาพลักษณ์ของประกันชีวิตนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ พี่ทุยว่าน่าเสียดายนะสำหรับคนที่มีภาพลบกับประกันชีวิต เพราะบางครั้งสิ่งที่เราไม่ชอบ อาจจะกลายเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเราในยามที่เราลำบากก็ได้
ถ้าเราไม่เชื่อคนขาย พี่ทุยว่าทางที่ดีที่สุดเราก็คงต้องศึกษาเองนั่นแหละ เพราะถ้าลองศึกษาจริง ๆ แล้วเรามีความจำเป็นที่ต้องป้องกันความเสี่ยงด้วยประกันชีวิต เราจะเข้าใจว่าทำไมประกันชีวิตถึงเป็นสินค้าที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว