พี่ทุยว่าปัญหาหนี้หลักๆของคนไทยส่วนใหญ่ เกิดจากการใช้ “บัตรเครดิต” หลายๆคนหลงระเริงกับการมีบัตรเครดิต รูดปรี๊ดๆจนเป็นหนี้มากมาย สุดท้ายรายได้ที่มีไม่พอจ่ายกับยอดหนี้บัตรเครดิต ทำให้ต้องจ่ายขั้นต่ำไปเรื่อยๆ ดอกเบี้ยบัตรเครดิตก็ยิ่งทบทวีคูณเข้าไปอีก จากหนี้ก้อนเล็กๆ รวมกับดอกเบี้ยก็กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น ทีนี้ไม่รู้จะหาทางออกยังไง บางคนก็ปิ๊งไอเดียว่าจะเอาบัตรเครดิตอีกใบนึงโปะบัตรที่เราเป็นหนี้อยู่
เคยมีคนมาถามพี่ทุยว่าวิธีนี้ทำได้มั้ย ? ถ้าเป็นการใช้บัตรเครดิต A รูดเพื่อจ่ายหนี้บัตรเครดิต B อย่างเช่นเราเอาบัตรเครดิต A ที่ครบรอบจ่ายเงินวันที่ 15 ส่วนบัตรเครดิต B ครบรอบวันที่ 30 พอถึงรอบจ่ายบัตร B วันที่ 30 พี่ทุยเอาบัตร A มารูดจ่าย พอมาถึงรอบจ่ายบัตร A วันที่ 15 พี่ทุยก็เอาบัตร B มาจ่ายวนไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็เหมือนได้เงินมาใช้เพิ่มขึ้นฟรีๆ ธนาคารก็ไม่มีวันได้เงินคืนกันเลย ทีนี้ทุกคนก็ใช้จ่ายกันสนุกสนาน ไม่ต้องเอาเงินมาจ่าย ดีจริงๆ…
พี่ทุยตอบได้เลยว่าไม่มีบริษัทบัตรเครดิตที่ไหนยอมแน่นอน การจ่ายหนี้บัตรเครดิตจะรับเฉพาะ “เงินสด” เท่านั้น แต่ถ้าถามพี่ทุยว่าจะกดเงินสดจากบัตรเครดิตใบนึงไปโปะหนี้อีกใบนึงทำได้มั้ย ? พี่ทุยจะตอบว่า ทำได้ แต่เป็นวิธีที่ดีมั้ยก็อีกเรื่องนึง
การกดเงินสดจากบัตรเครดิต คือการกู้เงินหรือการเป็นหนี้อย่างหนึ่ง ซึ่งในการที่เรากดเงินออกมาจะมีขั้นต่ำในการกด 3,000 บาทขึ้นไป แล้วนอกจากจะเสียดอกเบี้ยรายวันที่สูงมากถึง 20% ต่อปีแล้ว ยังต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 3% พร้อมกับ VAT 7% ไปอีกด้วย
สมมติ เรากดเงินออกมา 10,000 บาท วันที่ 1 สิงหาคม
เราจะเสียค่าธรรมเนียมทันที 3% คือ 300 บาท พร้อม VAT (7% x 300) อีก 21 บาท รวมเป็น 321 บาท
ส่วนดอกเบี้ย 20% จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่เรากดเงินถึงวันที่เราจ่ายเงินคืน ถ้าจ่ายคืน 1 กันยายน ดอกเบี้ยจะคิด 10,000 x 20% x 31/365 = 169.86 บาท
แปลว่าเราจะต้องคืนเงินรวมทั้งหมด 10,490.86 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยที่เราเสียรวมๆก็มากกว่า 4.9% ต่อเดือน !! ถ้าวัดเป็นต่อปี 58.8% ไม่เบาเลยใช่มั้ยล่ะ ?
การกดเงินสดจากบัตรเครดิตอีกใบออกมาเพื่อนำมาชำระหนี้บัตรอีกใบ เป็นสิ่งที่พี่ทุยบอกได้เลยว่าไม่ควรทำอย่างที่สุด !!! เพราะเท่ากับเป็นการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ยของการกดเงินสดจากบัตรเครดิตจะสูงมากและดอกเบี้ยจะคำนวณแบบรายวันจนกว่าจะสามารถนำเงินมาชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย
ทางออกสำหรับหนี้บัตรเครดิตที่ดี คือ การขอประนอมหนี้กับทางสถาบันการเงิน หรือแม้แต่การหยิบยืมเงินสดจากคนใกล้ชิดเพื่อมาชำระน่าจะเป็นทางออกที่ดี เพราะไม่มีดอกเบี้ยแต่เป็นสัญญาใจเท่านั้น
แต่หากหันไปทางไหนก็ไม่มีทางออก ลองมองทรัพย์สินที่ตนเองมี มองแล้วว่าน่าจะมีราคาให้นำไปขาย อย่าเสียดาย เพราะการเป็นหนี้ที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจะมีราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าทรัพย์สินที่ขายไป ต้องตัดใจและหลุดพ้นจากการเป็นหนี้ก่อน จากนั้นค่อยเริ่มต้นใหม่แล้วหามาใหม่ได้ก็ยังไม่สาย
บทสรุปทางออกของหนี้บัตรเครดิตคงไม่มีสูตรตายตัวที่สมบูรณ์แบบ เพราะภาระหนี้สินของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน บางคนสามารถเคลียร์หนี้ได้ทันที บางคนต้องใช้ระยะเวลาที่นานกว่า แต่ที่อยากจะยํ้าเตือนไว้เสมอ คือ เมื่อเป็นหนี้ อย่าหนี แต่ให้เดินเข้าสู่กระบวนการปลดหนี้
โดยเริ่มต้นจากการหยุดใช้บัตรนั้นๆ และติดต่อสถาบันการเงินเพื่อขอผ่อนผันและกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนเพื่อชำระหนี้เป็นงวดๆ อย่าท้อเพราะหนี้บัตรเครดิตก็ไม่ท้อที่จะเพิ่มดอกเบี้ยให้กับเรา เราเลยจำเป็นที่จะต้องชนะหนี้นั้นให้ได้ พี่ทุยเป็นกำลังใจให้กับคนที่เป็นหนี้ทุกๆคนน้า