ช่วงที่ผ่านมามีข่าวเกี่ยวกับ “ประกันชีวิต” ออกมา
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
พอครบสัญญา ปรากฏว่าไม่ได้เงินคืนตามที่ตกลงกันไว้ !
ก็อื่นเลยเราต้องเข้าใจก่อนว่า..
โดยทั่วไปแล้วประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ส่วนเงินที่ได้คืนจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ
1. เงินคืน
เงินคืน คือ เงินที่เราจะได้รับตามกำหนดสัญญาเป๊ะๆ
เรียกได้ว่ามี “การันตี” จากทางบริษัทประกันเลยล่ะ
เราจะรู้ล่วงหน้าเลยว่า เราได้รับเงินคืนจากส่วนนี้เป็นเงินเท่าไหร่
2. เงินปันผล (*** อันนี้สำคัญมาก)
ปัญหาอยู่ที่เงินส่วนนี้เนี่ยแหละ
เงินปันผล จะได้มากน้อยหรืออาจจะไม่ได้เลย
เพราะเงินปันผลจะจ่ายตาม “ผลประกอบการของบริษัท”
ถ้ากำไรเยอะก็จ่ายเยอะ ถ้าน้อยก็อาจจะไม่ได้ ก็เป็นไปได้
ทีนี้ปัญหาอยู่ที่ว่า “ผู้ขาย” บางราย
สื่อความหมายไม่ดี หรืออาจจะจงใจให้ลูกค้าเข้าใจผิด
คิดว่า “เงินปันผล” จะได้แน่ ๆ ชัวร์ 100%
แล้วพอถึงเวลา ไม่ได้ตามที่คุยกันตอนแรก
ก็ออกมาโวยวายถึงกับขั้นไปฟ้องร้องกับ คปภ.
เพราะว่า เวลาเราคำนวณผลตอบแทนแบบสะสมทรัพย์
ถ้าเราใส่เงินปันผลสูง ๆ ผลตอบแทนของกรมธรรม์จะสูงขึ้น
เป็นอะไรที่จูงใจให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ก็อาจจะทำให้
ผลตอบแทนตลอดอายุกรมธรรม์สูงขึ้น 1-2% เลยทีเดียว
ส่วนตัวพี่ทุยเลยมองว่า จะไปว่าบริษัทเค้าก็ไม่ได้
จะว่าตัวแทนก็คงไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาเท่าไหร่
พี่ทุยว่าต้องโทษตัวเราเองนั้นแหละ ว่าเรามี “ความรู้” ไม่เพียงพอ
ความรู้กับการลงทุนเป็นของคู่กัน
เหมือนพี่ทุยกับน้องเอี้ยง #เกี่ยวอะไรกัน
ถ้าเรามีความรู้ โอกาสที่เราจะโดนหลอกแทบจะไม่มีเลย
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้โดยเฉพาะ แชร์ลูกโซ่ที่โดนกันบ่อยมาก
ก็เพราะเรา “ไม่มีความรู้” และ “มีแต่ความโลภ” นั่นแหละ