หุ้น VS คริปโต เลือกอะไรดี วันนี้มาหาคำตอบกับพี่ทุยกัน
คริปโตกลายมาเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ร้อนแรงในหมู่นักลงทุน หนึ่งคำถามโลกแตกสำหรับนักลงทุน (โดยเฉพาะหน้าใหม่) ว่าจะเลือกลงทุนในหุ้นและคริปโตดี การลงทุนแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา พี่ทุยมีคำตอบ
สกุลเงินดิจิทัลกลายเป็นการลงทุนที่ถูกพูดถึงและได้รับความสนใจในวงกว้าง ไม่ใช่เฉพาะนักลงทุนรายย่อย (Retail Investors) เท่านั้น แต่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบัน (Institutional investors) อีกด้วย การเพิ่มมูลค่าขึ้นอย่างก้าวกระโดดของ Bitcoin ทำให้นักลงทุนต่างมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าเก็งกำไรอีกช่องทางหนึ่งนอกจากหุ้นหรือทรัพย์สินเสี่ยงอื่นๆ
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง พี่ทุยจะมาอธิบายว่าระหว่างหุ้นกับคริปโต ควรเลือกลงทุนในอะไรและการลงทุนทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร ในแบบฉบับอัพเดททันเหตุการณ์
หุ้น
หุ้น มีความหมายว่าส่วนที่ลงทุนเท่ากันในการค้าขาย หมายความว่าผู้ที่ลงทุนในหุ้นจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เปิดขายตราสารหุ้นดังกล่าว มีสิทธิ์เป็นเจ้าของและมีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจการด้วย ซึ่งส่วนมากจะได้รับเป็นเงินปันผล (Dividend) ตามข้อกำหนดของธุรกิจ
หุ้นสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทด้วยกันก็คือหุ้นสามัญ (Common stock) ออกโดยบริษัทมหาชนจำกัด (บมจ.) ที่ต้องการหาเงินทุนมาเพื่อดำเนินธุรกิจ ผู้ที่ถือหุ้นประเภทนี้จะได้รับสิทธิ์ในการลงมติในที่ประชุมตามสัดส่วนของหุ้นที่ถืออยู่
ส่วนอีกแบบหนึ่งก็คือหุ้นบุริมสิทธิ (Preferred Stock) ก็จะคล้ายกับหุ้นสามัญแต่ต่างกันที่ผู้ถือไม่มีสิทธิ์ลงมติใดๆ เพื่อปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานของบริษัท แต่ก็จะได้รับเงินปันผลตามเงื่อนไข ไม่ต่างกับผู้ถือหุ้นสามัญและหากธุรกิจต้องปิดตัวลง ผู้ที่ถือหุ้นแบบบุริมสิทธิจะได้รับชดเชยจากสินทรัพย์ของบริษัทที่ขายทอดตลาดหลังจากปิดกิจการก่อนผู้ถือหุ้นแบบหุ้นสามัญ
ดังนั้น การสร้างรายได้จากหุ้นจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน ก็คือทำกำไรส่วนต่างของราคา (Capital Gain) และเงินปันผล (Dividend)
สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโต
สกุลเงินดิจิทัลแรกของโลกอย่าง Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์แบบสินทรัพย์ที่เก็บรักษามูลค่าได้ (Store of value) เหมือนกับทองคำ แม้ว่าตัวผู้สร้างจะต้องการสร้างมันขึ้นมาเพื่อช่วยในเรื่องการโอนถ่ายทรัพย์สินแบบไร้ตัวกลาง (P2P) และไร้พรมแดนก็ตาม แต่ด้วยความที่สกุลเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลกอย่าง Bitcoin มีอยู่จำกัด จึงทำให้เกิดราคาที่สัมพันธ์กับอุปสงค์และอุปทาน
อธิบายอีกอย่างก็คือเมื่อมีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ก็จะดันให้ราคาของสินทรัพย์นั้นพุ่งขึ้นไป จึงมีหลายคนที่มองว่า Bitcoin เป็นทรัพย์สินเสี่ยงหนึ่งชนิดเช่นเดียวกัน
จริงๆ สกุลเงินที่เราใช้งานในทุกวันนี้ก็มีอุปสงค์และอุปทานของมันอยู่ แต่เนื่องด้วยมีการควบคุมจากทางรัฐบาลและธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ราคาของสกุลเงินจึงไม่เหวี่ยงอย่างรุนแรงเหมือนสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งไม่มีมนุษย์ควบคุมอย่างชัดเจน
สกุลเงินดิจิทัลไม่ได้มีเพียงแค่ Bitcoin เท่านั้น แต่ยังมีสกุลเงินอื่นๆ ที่สามารถใช้งานได้มากกว่าการโอนถ่ายทรัพย์สินอย่างเช่น Ethereum ซึ่งเป็น Smart Contract สามารถทำงานได้ตามคำสั่งที่วางไว้โดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุมทุกขั้นตอน
การหารายได้จากคริปโตก็มีทั้งการทำกำไรส่วนต่างของราคา (Capital Gain) การกินดอกเบี้ยจากการ Stake เหรียญและการนำคู่เหรียญไปใส่ไว้ใน Pool เพื่อสร้างสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม DeFi และกินส่วนแบ่งค่าธรรมเนียม
หุ้น VS คริปโต ปัจจัยการขึ้นลงของราคา
การขึ้นลงของราคาคริปโตและหุ้นมีพื้นฐานเดียวกันก็คืออุปสงค์และอุปทาน สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเหตุผลที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานดังกล่าว ผู้ที่ลงทุนในหุ้นจะมองว่าบริษัทที่ออกหุ้นออกมามีความมั่นคงและมีแนวโน้มจะสร้างรายได้มากกว่าได้มากเพียงใด แต่สำหรับสกุลเงินดิจิทัล นักลงทุนจะพิจารณาถึงการนำมาใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากกว่า
พี่ทุยมองว่าคริปโตจะคล้ายกับสกุลเงิน + หุ้น เราอาจจะได้เห็นคำศัพท์หนึ่งในโลกของคริปโตบ่อยๆ นั้นก็คือ ‘ระบบนิเวศ (Ecosystem)’ คำๆ นี้ในโลกของคริปโตมีความหมายที่ลึกซึ้งเหมือนกับองค์กรที่มีหน่วยงานต่างๆ ประกอบกันและทำงานร่วมกัน
การสร้างระบบนิเวศของคริปโตให้เข้มแข็งนั้นจะต้องเริ่มต้นจากการสร้างเครือข่าย Blockchain จากนั้นก็จะมีแอพพลิเคชั่นกระจายศูนย์ (Dapp) หรือแพลตฟอร์มการเงินกระจายศูนย์ (DeFi) หรือเกมส์กระจายศูนย์ (GameFi) และอื่นๆ เข้ามาทำงานบนเครือข่าย
ยิ่งระบบนิเวศใหญ่และเข็มแข็งเท่าไหร่ เหรียญหรือโทเค็นต่างๆ ที่อยู่บนระบบก็จะได้รับความนิยม ดันอุปสงค์ให้เหนือกว่าอุปทานและส่งผลให้ราคาเหรียญหรือโทเค็นเพิ่มขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของหุ้นและคริปโต
ข้อดีของหุ้น
- มีประวัติยาวนานและผลตอบแทนชัดเจน
- มูลค่าของธุรกิจเข้าถึงนักลงทุนหมู่มากมากกว่าเพราะมีทั้งเทคโนโลยีและสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
- มีกฎหมายควบคุมชัดเจน
ข้อเสียของหุ้น
- ส่วนใหญ่มีอัตราการโตที่น้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินดิจิทัล
- หากบริษัทล้มละลาย ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินคืนเป็นลำดับสุดท้าย
ข้อดีของสกุลเงินดิจิทัล
- เข้าถึงได้ง่ายกว่าและมีขั้นต่ำการลงทุนที่น้อยมาก
- มีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างก้าวกระโดด และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่
- สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา จึงมีสภาพคล่องสูง
ข้อเสียของสกุลเงินดิจิทัล
- ความผันผวนสูงมากถึงมากที่สุด
- ยังไม่มีกฎหมายควบคุมชัดเจน จึงอาจจะถูกโกงได้ (Rug pull)
- เหรียญหรือโทเค็น (ส่วนใหญ่) ไม่มีคุณค่าที่จับต้องได้มากนัก เพราะมักจะเป็นด้านเทคโนโลยี (การเงิน เกมส์ แอพพลิเคชั่น) แต่ว่าไม่มีสินค้าอุปโภคบริโภคเลย
- อาจจะถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยทรัพย์สินไปจนหมดหากเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลไว้บนกระเป๋าสตางค์ออนไลน์
ควรเลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล (คริปโต) หรือ หุ้น ดี ?
คำถามสำคัญเลยสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มลงทุน ดูเหมือนว่าคริปโตจะดูเย้ายวนใจกว่ามากด้วยมูลค่าที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรุนแรง แต่ก็มีมุมที่น่ากลัวเช่นเดียวกันเนื่องจากมูลค่าผันผวนสูงรุนแรง
ดังนั้นพี่ทุยแนะนำให้ลองศึกษาทั้งหุ้นและคริปโตให้ดีเสียก่อน และลองลงทุนในหุ้นหรือคริปโตที่ทำผลงานได้ดีที่สุด หากในกรณีของหุ้นก็จะเป็นตัวที่อยู่ใน SET50 และกรณีของคริปโตก็จะเป็น Bitcoin หรือ Ethereum และดูว่าแบบไหนที่ใช่สไตล์ของเรามากที่สุดและอย่าลืมกระจายความเสี่ยงการลงทุน
การลงทุนไม่มีสูตรจำกัดตายตัวว่าควรจะทำอย่างไร นักลงทุนควรจะเลือกลงทุนโดยใช้เงินเย็น (และเงินที่พร้อมจะเสียได้ด้วยในโลกของคริปโต) และยังจำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่เรากำลังจะลงทุนให้ดีเสียก่อนและ
ที่สำคัญคืออย่าลืมประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับไหว อย่างไรก็ตามการเลือกลงทุนทั้งหุ้นและคริปโตในผ่านการบริหารจัดการความเสี่ยงของตัวผู้ลงทุนเองก็เป็นไอเดียที่ดีเช่นเดียวกัน