บริษัทปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) OKJ หรือที่เราคุ้นชื่อกันดีคือ โอ้กะจู๋ เตรียม IPO เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ไทย เสนอขายหุ้น 159,000,000 หุ้น คิดเป็น 26.1% ของหุ้นทั้งหมดหลังเสนอขาย หลังจากที่ OR ได้เข้าไปร่วมลงทุนตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ OKJ มีรากฐานทางการเงินและศักยภาพทางธุรกิจแข็งแรงและพร้อม IPO แล้ว มูลค่าที่ตราไว้ 0.5 บาทต่อหุ้น เสนอขายหุ้นละ 6.70 บาท กำหนดระยะเวลาจองซื้อวันที่ 23-25 ก.ย. 2567 มีบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่าย
IPO โอ้กะจู๋ บริษัทปลูกผักเพราะรักแม่
จากแปลงผัก 1 ไร่ กลายเป็น 380 ไร่ ด้วยแนวคิด “Be Organic from Farm to Table” ที่เน้นการปลูกผักแบบอินทรีย์และนำเสนออาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ ขณะนี้ OKJ ได้เติบโตจนมีธุรกิจแบ่งได้เป็น 3 ประเภทแล้ว ได้แก่ ร้านอาหาร Full Service (โอ้ กะ จู๋) ที่มี 30 สาขา เน้นจำหน่ายอาหารสุขภาพอย่าง สลัด สเต็ก และ ซุป ได้คลอดร้านอาหารจานด่วนอย่าง Wrap & Roll ที่เน้นขายเมนูสุขภาพแต่ง่ายพร้อมทาน อย่างแร็พและสลัด และล่าสุดร้านน้ำผลไม้ Oh! Juice จำหน่ายน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพ
กับข้อจำกัดในการเติบโตจึงเริ่มระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจสร้างสาขาใหม่ เริ่มลงทุนครัวกลางและพัฒนาระบบการผลิต และขยายธุรกิจไปในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก ส่วนเงินที่เหลือจะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
ผลการดำเนินงานของ โอ้กะจู๋
รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2566 เป็น 1.71 พันล้านบาท จาก 797.9 ล้านบาทในปี 2564 เรียกได้ว่าโตถึง 2 เท่าในเวลาอันสั้น แถมมีกำไรสุทธิสูงถึง 140.65 ล้านบาทในปี 2566
โดยรายได้หลักในปี 2566 ยังคงเป็น ร้านอาหารแบบ Full-Service โอ้กะจู๋ 94% ตามด้วย Delivery & Kiosk 4% ขายสินค้าผ่าน Cafe Amazon 1.17% และ Supermarket 0.56% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 45.2% เลยทีเดียว
ซึ่งในช่วง Q3 2567 รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 532.83 ล้านบาท และกำไรโตขึ้นเป็น 183.59 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีก่อนในช่วงระยะเวลาเดียวกัน เป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ OKJ
สัดส่วนผู้ถือหุ้น OKJ
ครอบครัวเอกชัยพัฒนกุล (ครอบครัวคุณอู๋) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งหลัก จะยังคงถือหุ้นเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดแม้หลังการ IPO โดยถือหุ้นประมาณ 31.26% ส่วน บริษัท มอดูลัส เวนเจอร์ ที่ถือหุ้น 20% เป็นบริษัทย่อยของ OR (บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด) ยังคงถือหุ้น 20% หลัง IPO เป็นผู้ถือหุ้นสำคัญที่มีส่วนช่วยเสริมศักยภาพและการเติบโตของ OKJ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะลดลงเล็กน้อยหลังจากการ IPO เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าถือหุ้นมากขึ้น
ความเสี่ยงที่สำคัญของ OKJ
- ความผันผวนของวัตถุดิบจากปัจจัยสภาพอากาศและศัตรูพืช
- การแข่งขันสูงในตลาดร้านอาหารเพื่อสุขภาพรวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค
- ความเสี่ยงจากการขยายสาขาใหม่ที่อาจไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐ เช่น การปรับค่าแรงขั้นต่ำซึ่งส่งผลต่อกำไรของบริษัท
- ความเสี่ยงจากการบริหารจัดการวัตถุดิบและบุคลากรในสาขา
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหุ้นมวลชนที่น่าสนใจเลยทีเดียว ทั้งมีชื่อเสียงติดตลาดคนรักสุขภาพ มีแบรนด์ดิ้งที่แข็งแรง มีความมุมานะตั้งใจในการนำอาหารสดใหม่สร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนไทย แถมยังมี OR คอยเสริมศักยภาพการเงินและธุรกิจให้แข็งแรงอีกด้วย ตัวงบการเงินเองก็แข็งแรงสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง มีการแตกแบรนด์ใหม่และขยายธุรกิจ OKJ คงเป็นหุ้นที่หลายๆคนจับตามองและน่าสนใจมาก
อ่านเพิ่ม