ต้องใช้คำว่าปรากฏการณ์แล้ว สำหรับ ARK Investment Management LLC. หรือในหมู่นักลงทุนเรียกสั้นๆ ว่า “กองทุน ARK” ที่ดังเป็นพลุแตก จากการบริหาร ETF แบบ Active ซึ่งปกติในท้องตลาดจะบริหารแบบ Passive จนสร้างผลตอบแทนมากกว่า 100% เมื่อปีที่แล้ว และยังร้อนแรงต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้
การบริหารแบบ Active ที่มุ่งหวังสร้างผลตอบแทนให้มากกว่าดัชนีตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่ยากแล้ว การเลือกลงทุนแบบ Thematic ในหุ้นเทคโนโลยีที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นแล้วสร้างผลตอบแทนได้เช่นนี้ ต้องมีทั้งแนวคิดและกระบวนการลงทุนที่แตกต่างจากท้องตลาดอย่างแน่นอน
พี่ทุยเลยไปเจาะลึกแนวคิด ระบบ และกระบวนการ ที่ทำให้ ARK กลั่นกรองข้อมูลจนค้นพบบริษัทแห่งนวัตกรรมที่ราคาพุ่งทะยานจนกองทุน ETF ที่บริหารโดย ARK สร้างผลตอบแทนจนทุกสายตาต้องหันมาสนใจ
ARK มีความเชื่อว่านวัตกรรมคือสิ่งสำคัญของความก้าวหน้า โดย ARK มองว่านวัตกรรมต้องเข้ามาทดแทนสิ่งที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพิ่มประสิทธิภาพ และมีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด
ย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์มีสามนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาลนั่นคือ โทรศัพท์ ยานยนต์ และไฟฟ้า ซึ่งต่างมีคุณสมบัติบางอย่างจนเข้ามาสู่ชีวิตประจำวัน และการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3 กฎเกณฑ์ที่เป็นแนวคิดหลักของ “กองทุน ARK”
นวัตกรรมต้องผ่านกฎเกณฑ์ 3 ข้อ ซึ่งเป็นรากฐานของแนวคิดที่ทำให้สามารถค้นหาบริษัทที่มาพร้อมนวัตกรรมระดับปรากฎการณ์
- ต้นทุนลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล – ARK ใช้ Wright’s Law เพื่อทำความเข้าใจที่มากขึ้นต่อขอบเขตความสามารถของนวัตกรรม
- เข้าสู่ทุกอุตสาหกรรม – เปิดโอกาสให้นวัตกรรมปรับตัวให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมนั้น ป้องกันความเสี่ยงจากวัฏจักรธุรกิจ และได้รับความสนใจจากหลากหลายสาขาวิชา
- เป็นรากฐานของนวัตกรรมใหม่ – เพิ่มการใช้งานไปสู่หลากหลายช่องทางที่เกินกว่าจินตนาการ
นวัตกรรมของ “กองทุน ARK” มีอะไรบ้าง ?
ARK เชื่อว่าโลกกำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีในระดับที่ร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง ด้วย 5 นวัตกรรม อันประกอบไปด้วย
- Artificial Intelligence (AI): ระบบการเรียนรู้นี้จะเปลี่ยนแปลงทุกอุตสาหกรรมอย่างที่อินเตอร์เน็ตเคยทำไว้ ไมว่าจะเป็นการสื่อสาร ธุรกิจค้าปลีก มีเดีย หรือแม้กระทั่งระบบการเงินและสาธารณสุข
- Energy Storage: ต้นทุนแบตเตอรี่ที่ลดลงจะเพิ่มความต้องการพลังงานไฟฟ้าซึ่งจะเข้ามาแทนที่พลังงานจากฟอลซิล
- Robotics: หากต้นทุนของนวัตกรรมนี้ลดลงไปครึ่งหนึ่งพร้อมความสามารถที่เพิ่มขึ้นทำให้ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ทุกที่ จักรกลจะเปลี่ยนทุกธุรกิจที่ต้องพึ่งพากระบวนการและระบบงานทางกายภาพ
- DNA Sequencing: เมื่อต้นทุนของนวัตกรรมนี้อย่างรวดเร็ว การใช้งานจะแพร่หลายมากขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งนวัตกรรมนี้จะเปลี่ยนโครงสร้างการรักษาโรค ยารักษา และการเกษตร
- Blockchain Technology: ด้วยนวัตกรรมนี้หลายสิ่งบนโลกจะมีความใกล้เคียงเงินมากขึ้น นั่นคือไม่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว มีสภาพคล่อง และวัดจำนวนได้ ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างทั้งฝั่งธุรกิจและผู้บริโภคในแบบที่เลี่ยงไม่ได้
แน่นอนว่านวัตกรรมเหล่านี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ และหลายบริษัทก็ได้เข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มาหลายปีแล้ว ทาง ARK บอกว่ามี 4 ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนอาจกังวลหรือมองข้ามที่จะลงทุนบริษัทด้านนวัตกรรม
The Market’s Short-Term Time Horizon
ตลาดมักจะเสียสมาธิไปกับการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น และหลุดโฟกัสต่อผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของเทคโนโลยีเหล่านี้
ARK อธิบายประเด็นนี้ด้วยกราฟระหว่างยอดขายกับระยะเวลา โดยในช่วงแรกยอดขายแทบไม่เปลี่ยนแปลงเพราะตลาดมองไม่เห็นโอกาสรวมทั้งยังไม่เข้าใจว่านวัตกรรมดังกล่าวจะนำไปต่อยอดอย่างไรต่อ เมื่อเวลาผ่านไปตลาดก็ยังคาดการณ์ปัจจัยต่างๆ ไม่ตรงกับศักยภาพอีกทั้งมีความกังวลเข้ามากดดันทำให้ยอดขายลดลง แต่เพชรอยู่ที่ไหนก็เป็นเพชร สุดท้ายแล้วเมื่อนวัตกรรมนั้นสามารถพิสูจน์ตัวเองได้จนเข้าสู่ชีวิตประจำวันแล้ว บอดขายรวมไปถึงราคาหุ้นจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ชนะจะกุมส่วนแบ่งตลาดโดยส่วนใหญ่ หรือ Winner takes most markets
The Silo-ization of Wall Street
แนวความคิดแบบดั้งเดิมของ Wall Street ที่จัดประเภทหุ้นตามหมวดอุตสาหกรรม มูลค่าตามราคาตลาด หรือแนวทางการบริหารกองทุน ไม่สามารถนำมาใช้กับการลงทุนในหุ้นของบริษัทด้านนวัตกรรมได้ ARK จึงจัดประเภทด้วยการแบ่งตาม theme เพื่อใช้ประโยชน์จากการแบ่งปันข้อมูลกันระหว่างทีมนักวิเคราะห์
The Passive Public Markets
นักลงทุนในบริษัทด้านนวัตกรรมมีแนวโน้มลงทุนแบบนอกตลาดหุ้น (Private markets) ส่วนเงินลงทุนในตลาดหุ้นก็หันเข้าสู่การลงทุนแบบ passive นี่เป็นสาเหตุให้ ARK เชื่อว่าหุ้นของบริษัทด้านนวัตกรรมที่มีศักยภาพซึ่งซื้อขายในตลาดหุ้นมีราคาที่ไม่เหมาะสมมากที่สุดในตลาดหุ้น
The Closed-Off Research and Investment Mentality
ARK เชื่อว่านวัตกรรมต้องการแนวทางที่เปิดกว้างเพื่อทำความเข้าใจการบรรจบกันระหว่างแต่ละเทคโนโลยีกับศักยภาพสูงสุดในตลาด ดังนั้น ARK จึงผสมผสานกระบวนการวิเคราะห์การลงทุนแบบ top-down และ bottom-up ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาบริษัทด้านนวัตกรรมได้ก่อนจะเป็นที่รู้จัก (Early Adopters) และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกันระหว่างทีมผู้จัดการพอร์ตการลงทุน ทีมนักวิเคราะห์ และแหล่งข้อมูลจากภายนอก
กระบวนการการลงทุน “กองทุน ARK” เป็นอย่างไรบ้าง ?
หลังจากพี่ทุยพาไปรู้จักกับทั้งนวัตกรรมที่ ARK มองว่าจะเปลี่ยนโลก รวมไปถึงปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนมองข้ามบริษัทด้านนวัตกรรม สื่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ ARK บริหาร ETF จนสร้างผลตอบแทนในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์คงหนีไม่พ้น ‘กระบวนการการลงทุน’ (Investment process)
ARK นำการวิเคราะห์แบบ Top-Down และ Bottom-Up ซึ่งทั้งแบ่งหน้าที่และแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างลงตัว ดังนี้
- Top-Down: ค้นหาขอบเขตการลงทุนและประเมินโอกาส
การจัดรูปแบบการวิเคราะห์ด้วยการแบ่งตาม theme ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกกันระหว่างทีมผู้จัดการพอร์ตการลงทุน ทีมนักวิเคราะห์ และแหล่งข้อมูลจากภายนอก ทำให้เกิดความเข้าใจต่อนวัตกรรมอย่างลึกซึ้ง
- Bottom-Up: กลั่นกรองโอกาส ค้นหาบริษัทที่น่าสนใจ และบริหารพอร์ตการลงทุน
ทีมการลงทุนสรุปข้อมูลการลงทุนและแบบจำลองมูลค่าโดยใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ทั้งแบบ Top-Down และ Bottom-Up ใช้ระบบการให้คะแนนของ ARK เพื่อประเมินหุ้นและติดตามสมมติฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้น
ข้อมูลใหม่ การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ และการประเมินคะแนนหุ้นจะถูกหารือกันในการประชุมทีมทุกสัปดาห์ และรายงานต่อทีมบริหารพอร์ตการลงทุน
การประเมินคะแนนถูกพิจารณาด้วยหลายปัจจัย เช่น การจ้างบุคลากร การค้นคว้าและวิจัยอย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการแข่งขัน ความเสี่ยงทั้งด้านกฎหมาย การเมือง และการใช้จริงในชีวิตประจำวัน เป็นต้น
การวิเคราะห์ทั้งแบบ Top-Down และ Bottom-Up ภายใต้ระบบ Open Research Ecosystem ของ ARK ใช้ข้อมูลจาก 3 แหล่ง ประกอบไปด้วย
- แหล่งข้อมูลดั้งเดิม (Traditional Sources)
- โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดีย (Online+Social media)
- ความคิดจากกลุ่มคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ARK (Crowdsourcing)
โดยที่แต่ละฝ่ายจะใช้แหล่งข้อมูลจาก 3 แหล่งดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องลึกที่เฉพาะเจาะจง
- ทีมนักวิเคราะห์ (Analyst Teams) ซึ่งแบ่งหน้าที่กันตาม theme ของนวัตกรรม ใช้ข้อมูลจาก Traditional Sources และ Online+Social media
- ทีมบริหารพอร์ตการลงทุน (Portfolio Management) ก็จะประเมินข้อมูลจากบทวิเคราะห์ ข้อมูลพื้นฐาน และการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ใช้ข้อมูลจากTraditional Sources และ Crowdsourcing
- ทีมนักพัฒนา theme (Theme Developers) นำแนวคิดจากผู้นำทั้งด้ายสถาบันการศึกษา สตาร์ทอัพ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มทุน และบริษัทที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ใช้ข้อมูลจาก Online+Social media และ Crowdsourcing
เมื่อทุกทีมได้ข้อมูลแล้วไม่ว่าจะมาจากการวิเคราะห์แบบ Top-Down หรือ Bottom-Up ก็จะถูกนำแลกเปลี่ยนกันด้วยระบบ Open Research Ecosystem เพื่อวิเคราะห์และหาข้อสรุปสำหรับพอร์ตการลงทุน
และถ้าหากกำลังสนใจอยากรู้จักหรือศึกษา ETF ที่ ARK บริหาร พี่ทุยได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว
- ARK INNOVATION ETF (ARKK): เน้นลงทุนในบริษัทที่รับประโยชน์จากการพัฒนาสินค้า บริการ เทคโนโลยี หรือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ด้าน Genomic Revolution, Industrial Innovation, Next Generation Internet และ Fintech Innovation เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกกลุุ่มอุตสาหกรรมที่ ARK จัดว่าเป็นนวัตกรรม (ผลตอบแทนปี 2020: 148.73%)
- ARK Autonomous Technology & Robotics ETF (ARKQ): เน้นลงทุนในนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Autonomous Transportation, Robotics and Automation, 3D Printing, Energy Storage และ Space Exploration (ผลตอบแทนปี 2020: 105.41%)
- ARK Next Generation Internet ETF (ARKW): เน้นลงทุนในนวัตกรรมที่ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีไปสู่ระบบยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Cloud Computing & Cyber Security, Big Data & Artificial Intelligence (AI) (ผลตอบแทนปี 2020: 154.14%)
- ARK Genomic Revolution ETF (ARKG): เน้นลงทุนในบริษัทที่รับประโยชน์จากนวัตกรรมที่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยการประสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับวิทยาศาสตร์ เช่น Gene Editing, CRISPR, Stem Cells และ Agricultural Biology (ผลตอบแทนปี 2020: 178.22%)
- ARK FINTECH INNOVATION ETF (ARKF): เน้นลงทุนในบริษัทด้านนวัตกรรม Financial Technology หรือ Fintech ซึ่งมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน เช่น Blockchain Technology, Transaction Innovations และ Customer Facing Platforms (ผลตอบแทนปี 2020: 107.30%)
สุดท้ายนี้พี่ทุยมองว่าหุ้นในกลุ่มนวัตกรรม ซึ่งกำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคนมีความน่าสนใจ และควรมีสัดส่วนในพอร์ตการลงทุนอย่างไรก็ตามควรมีสัดส่วนที่เหมาะสม เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทและสร้างความผันผวนให้พอร์ตการลงทุนโดยรวมได้..
Source: ark-funds.com ark-invest.com