สำหรับงาน “abrdn FutureProof 2024” พี่ทุยเริ่มจากเนื้อหาในพาร์ตของ เคน จักรกฤษณ์ CFP® จาก Money Buffalo ของเรากันก่อน
ที่บอกว่าหนึ่งในเป้าหมายการเงินที่สำคัญที่สุดของทุกคนเลยก็คือ “เกษียณอายุ” และการที่เราจะสามารถเกษียณอายุได้อย่างมีคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อย่าคิดว่าเก็บเงินบ้างไม่เงินเก็บบ้างแล้วจะสามารถเกษียณอายุอย่างมีคุณภาพได้ ต้องมุ่งมั่น ตั้งใจ มีแผนการพร้อมกับวินัยในระดับสูง
จากตัวอย่างในการคำนวณจะเห็นได้ว่าสำหรับคนอายุ 30 ปี ที่ต้องการใช้เงินเดือนละ 50,000 บาทหลังเกษียณ และต้องการเกษียณอายุเมื่ออายุ 50 ปี พร้อมกับมีอายุขัยที่ 85 ปี จะต้องเตรียมเงินสำหรับเกษียณอายุไว้ถึง 44,310,000 บาทเลยทีเดียว
ดังนั้น ถ้าเราต้องการมีชีวิตเกษียณที่ดีมีคุณภาพ ต้องรีบลงมือและจัดการอย่างตั้งใจตั้งแต่วันนี้เลย
สูตรการวางแผนการเงินแบบ “มั่งคั่ง มั่นคง” จะช่วยทำให้เรามั่นใจได้ว่า เราจะสามารถรักษามาตรฐานในการใช้ชีวิตหลังเกษียณได้ โดยแบ่งพอร์ตออกเป็น 2 ส่วน คือ
1. ส่วน “มั่นคง”
ตามชื่อเลยเป็นส่วนที่ไม่มีไม่ได้ ยังไงก็ต้องมีเพื่อให้มั่นใจว่าอย่างน้อยมีเงินเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายจำเป็นหลังเกษียณอายุ ดังนั้น สินทรัพย์การลงทุนจะต้องเป็นแบบความเสี่ยงต่ำ เน้นความชัวร์ อย่างเช่น ประกันสังคม ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ ประกันชีวิตแบบบำนาญ ตราสารหนี้หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
2. ส่วน “มั่งคั่ง”
คือ ส่วนเพิ่มจากความต้องการพื้นฐานที่ช่วยเติมเต็มชีวิต ซึ่งสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่สามารถคาดหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้นได้ อย่างเช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนรวมประเภทต่าง ๆ
แต่ก่อนจะพาไปดูข้อมูลที่น่าสนใจจากทางฝั่ง abrdn พี่ทุยพาไปดูนโยบายที่สนับสนุนให้ทุกคนสามารถดูแลชีวิตในวัยเกษียณอายุของตัวเองกันก่อน นั่นก็คือ “การลดหย่อนภาษี” ในหมวดลงทุนที่ประกอบไปด้วย กองทุน SSF RMF ThaiESG และประกันชีวิต
สำหรับ SSF และ RMF แนะนำเลยว่า ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงให้ใช้สิทธิให้เต็มที่ เพราะเมื่อนับรวม ประกันชีวิตแบบบำนาญ กอช. กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนสังเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ห้ามเกิน 500,000 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ได้สูงมากนักสำหรับคนที่มีฐานภาษีสูงและอยากประหยัดภาษี
และสำหรับ ThaiESG แนะนำว่าสำหรับใครลดหย่อนด้วย SSF RMF เต็มสิทธิไปแล้ว ยังอยากลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมอยู่อีก แนะนำเลยว่าก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครที่ไม่อยากเสี่ยงกับตลาดหุ้นไทยมากนักก็สามารถเลือก “ตราสารหนี้” และเน้นประโยชน์จากภาษีที่ประหยัดได้แทน
ส่วนประกันชีวิตสำหรับการออมเงินอย่างพวกประกันสะสมทรัพย์หรือประกันชีวิตแบบบำนาญผลตอบแทนอาจจะไม่ได้น่าสนใจมากนัก โดยทั่วไปก็จะอยู่ประมาณ 2% แต่รู้หรือไม่ว่าถ้าเรานำผลประโยชน์ด้านภาษีเพิ่มเติมเข้าไปด้วยจะช่วยทำให้ผลตอบแทนอยู๋ในระดับที่น่าสนใจ
ในเมื่อเราต้องลงทุนอยู่แล้ว ถ้าลงทุนแล้วได้ทั้งผลตอบแทน และผลประโยชน์ด้านภาษีก็จะยิ่งทำให้ผลตอบแทนภาพรวมของพอร์ตยิ่งดีมากขึ้นด้วย
ในงานนี้ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงจาก abrdn ที่มาให้ข้อมูลและแนวคิดการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น
- Mr. Robert Penaloza – CEO, abrdn Investments (Thailand)
- Mr. Dongyue Zhang – Head of Investment Specialists APAC, Multi-Asset Solutions, abrdn Investments
- คุณพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ – Head of Fixed Income and Asset Allocation, abrdn Investments (Thailand)
ซึ่งเนื้อหา ก็จะพูดถึงการกระจายการลงทุน (Asset Allocation) ถือว่าเป็นคีย์สำคัญที่จะทำให้เราสามารถลงทุนและสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อเป้าหมายเกษียณอายุได้ดี ด้วย 2 เหตุผลหลัก
1. ไม่รู้ว่าสินทรัพย์ใดให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไรในอนาคต
2. ไม่มีสินทรัพย์ใดที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดเสมอ
ซึ่งการกระจายการลงทุนจะช่วยทำให้เราได้ “ผลตอบแทนค่าเฉลี่ย” แบบต่อเนื่องในระยะยาวได้ โดยที่เราไม่ต้องเสี่ยงลุ้นว่าสินทรัพย์ไหนจะมาหรือไม่มา
และด้วยการลงทุนแบบค่าเฉลี่ยเนี้ยแหละที่ทำให้นักลงทุนไม่ชอบการกระจายความเสี่ยงมากเท่าไหร่ก็เพราะว่า น่าเบื่อ ไม่ตื่นเต้น เพราะเราจะไม่ได้ผลตอบแทนที่หวือหวา หรือขาดทุนหนัก แต่รู้กันหรือไม่ว่าวิธีการลงทุนที่น่าเบื่อแบบนี้เนี้ยแหละ จะช่วยทำให้เราสามารถชนะเกมนี้ในระยะยาวได้
และแน่นอนว่า การกระจายความเสี่ยงที่ดีไม่ใช่กระจายการลงทุนซื้อทุกสินทรัพย์เท่านั้น แต่จะมีสัดส่วนการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์ให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงของนักลงทุนด้วย ซึ่งเราจะสามารถรู้จักสัดส่วนการลงทุนของแต่ละสินทรัพย์จาก 2 ปัจจัยหลัก ก็คือ “ระยะเวลา (Time)” ของเป้าหมายและ “ความเสี่ยงที่รับได้” ของเงินลงทุนก้อนดังกล่าว
ยิ่งลงทุนได้นานและเงินลงทุนก้อนดังกล่าวรับความเสี่ยงได้สูง ก็จะยิ่งลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงในสัดส่วนที่มากขึ้นได้ และเราเองก็สามารถคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่สูงขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับทาง abrdn ที่เป็น Solution Provider ให้กับลูกค้ามาโดยตลอด มีทีมที่คอยจัดการเรื่องการกระจายความเสี่ยงโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้พอร์ตการลงทุนที่ดีที่สุดของลูกค้า และที่พิเศษกว่านั้นก็คือทาง abrdn จะมีทีมที่ดูเรื่องกระจายการลงทุนที่เป็นคน Local ของแต่ละประเทศช่วยจัดการ Optimize พอร์ตการลงทุนให้สอดคล้องกับนักลงทุนในแต่ละประเทศด้วย
โดยทาง abrdn จะแบ่งพอร์ตการลงทุนแนะนำออกเป็น 3 รูปแบบหลัก ได้แก่
1. แบบเชิงรับ เน้นลงทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 40% และในตราสารหนี้ตั้งแต่ 60%-100%
2. แบบสมดุล ผสมผสานเติบโตได้ทุกสภาวะ กรอบการลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 35%-75% และในตราสารหนี้ตั้งแต่ 25-65%
3. แบบเชิงรุก ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ 70% ขึ้นไป และอาจมีการลงทุนในตราสารหนี้ในส่วนที่เหลือ
โดยสัดส่วนการลงทุนระหว่างตราสารหนี้และหุ้น ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา ในช่วงที่ตลาดดีก็มีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ abrdn มีมุมมองการลงทุนว่าตลาดมีแนวโน้มกลับมาเป็นขาขึ้นได้อีก จากปัญหาเรื่องเงินเฟ้อที่คลี่คลายตัว ทำให้มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางทั่วโลกอาจจะปรับลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ abrdn มีมุมมองค่อนข้างเชิงบวก (Positive) กับสินทรัพย์เสี่ยง
แม้ว่าการที่ โดนัล ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐ และหนึ่งในนโยบาย คือ การขึ้นภาษีจากจีนถึง 60% ก็ตาม abrdn ก็ยังมองว่าเป็นปัจจัยเร่งที่ทำให้จีนจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อสวนทางกับกำแพงภาษีที่เจอนั่นเอง
ทั้งนี้สำหรับงานใน abrdn FutureProof 2024 นี้ ทาง abrdn ได้ทำการสรุปกองทุนแนะนำสำหรับเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนในการจัดพอร์ตการลงทุนด้วยตัวเองทั้งกองทุนทั่วไปและกองทุนลดหย่อนภาษี โดยนักลงทุนสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของแต่ละกองทุน ได้ ที่นี่
และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับกองทุนรวมลดหย่อนภาษีได้ ที่นี่
รับชมบันทึกงานสัมมนา abrdn FutureProof 2024 พลิกโฉมการลงทุนเพื่อชีวิตเกษี
ช่วงที่ 1: Think สมาร์ท…เพื่อชีวิตในวัยเกษียณ คลิก
ช่วงที่ 2: ต่อยอดการจัดสรรเงินลงทุนเพื่
คำเตือน:
ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรก กองทุนรวมที่มีการลงทุนในต่างประเทศมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ปัจจุบัน ABGFIX-A ไม่มีการป้องกันความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม ABWOOF มิได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนของกองทุนรวม การบริหารจัดการ กองทุนรวม และการจัดทำรายงานของกองทุนรวมเช่นเดียวกับ SRI Fund
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวน โทร. 02-352-3388 หรืออีเมล [email protected]