อัปเดต เบี้ยผู้สูงอายุ 2567 ใครได้บ้าง เดือนล่าสุด เงินเข้าวันไหน

อัปเดต เบี้ยผู้สูงอายุ 2567 ใครได้บ้าง เดือนกันยายน เงินเข้าวันไหน

3 min read    Money Buffalo

ฉบับย่อ

  • บุคคลที่มีสัญชาติไทย มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และเป็นผู้มีรายได้ไม่เพียงพอ มีสิทธิได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากภาครัฐทุกเดือน เป็นสวัสดิการจากรัฐเพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิต
  • โดยคนที่ประสงค์จะรับเงินคนชรา ต้องลงทะเบียนขอรับสิทธิก่อนที่จะครบอายุ 60 ปี ไม่อย่างนั้นจะยังไม่ได้รับเงิน และเมื่อลงทะเบียนทีหลังก็จะไม่ได้เงินย้อนหลัง
  • เบี้ยผู้สูงอายุ จะออกทุกวันที่ 10 ของเดือน แต่หากเดือนใดวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดราชการ จะจ่ายในวันทำการก่อนวันหยุด

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

คุณภาพชีวิตหลังเกษียณอย่างหนึ่งของคนไทยก็คือ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เงินคนแก่ 600 บาท ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง แต่แล้วเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนี้ จะได้เมื่อไหร่ ต้องลงทะเบียนตอนไหน ได้เงินกี่มากน้อย ใครเป็นคนจ่าย พี่ทุยสรุปเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาให้แล้ว

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2567 คืออะไร

สวัสดิการที่รัฐมีไว้เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ เบี้ยผู้สูงอายุ หรือ เงินคนแก่ เป็นอีกสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้ กับบุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการดำรงชีวิตในแต่ละเดือน

โดยในแต่ละปี จะเปิดให้ผู้ที่มีคุณสมบัติรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุรายใหม่ ๆ มาลงทะเบียน นั่นเท่ากับว่า ถ้าอยากรับเงินเบี้ยผู้สูงอายุจากภาครัฐจะต้องละทะเบียนก่อน

อย่างเช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ประจำปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567) สำหรับคนที่เกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2507 จะเปิดลงทะเบียนไปแล้ว ในเดือน ต.ค. 2565 – ก.ย. 2566 ซึ่งปัจจุบันปิดรับลงทะเบียนแล้ว

ซึ่งใครเกิดก่อนวันที่ 2 กันยายน 2507 แต่ยังไม่ได้ลงทะเบียน ก็จะต้องลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2567 แทน โดยปี 2567 นี้จะยังไม่ได้รับเงินยังชีพผู้สูงอายุ

เบี้ยผู้สูงอายุ 2567 ออกวันไหน

การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ จะออกทุกวันที่ 10 ของเดือน แต่หากเดือนใดวันที่ 10 ตรงกับวันหยุดราชการ จะจ่ายในวันทำการก่อนวันหยุด เท่ากับว่าในปี 2567 ผู้สูงอายุจะได้รับเบี้ยตามวันที่ต่อไปนี้

  • เดือนมกราคม 2567 : วันพุธที่ 10 ม.ค. 2567 
  • เดือนกุมภาพันธ์ 2567 : วันศุกร์ที่ 9 ก.พ. 2567 
  • เดือนมีนาคม 2567 : วันศุกร์ที่ 8 มี.ค. 2567 
  • เดือนเมษายน 2567 : วันพุธที่ 10 เม.ย. 2567
  • เดือนพฤษภาคม 2567 : วันศุกร์ที่ 10 พ.ค. 2567
  • เดือนมิถุนายน 2567 : วันศุกร์ที่ 7 มิ.ย. 2567
  • เดือนกรกฎาคม 2567 : วันพุธที่ 10 ก.ค. 2567
  • เดือนสิงหาคม 2567 : วันศุกร์ที่ 9 ส.ค. 2567
  • เดือนกันยายน 2567 : วันอังคารที่ 10 ก.ย. 2567
  • เดือนตุลาคม 2567 : วันพฤหัสบดีที่ 10 ต.ค. 2567
  • เดือนพฤศจิกายน 2567 : วันศุกร์ที่ 8 พ.ย. 2567
  • เดือนธันวาคม 2567 : วันอังคารที่ 10 ธ.ค. 2567

เบี้ยผู้สูงอายุ 2568 ลงทะเบียนเมื่อไหร่

สำหรับใครที่กำลังจะอายุครบ 60 ปี ในปี 2568 หรือลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพคนชราไม่ทันในปีที่ผ่านมา สามารถลงทะเบียนได้ ตั้งแต่ ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567

โดยลงทะเบียนได้ที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามภูมิลำเนาของตัวเอง คือ

  • กรุงเทพฯ : สำนักงานเขตที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ
  • ต่างจังหวัด : สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน ในวัน-เวลาราชการ

แต่ตามกฎหมายเบี้ยผู้สูงอายุซึ่งออกมาใหม่ ส.ค. 2566 ผู้สูงอายุที่ครบ 60 ปี ให้ยืนยันสิทธิรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดยไม่ต้องลงทะเบียน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำนวยความสะดวกโดยการแจ้งไปยังผู้สูงอายุที่มีสิทธิ และหากผู้สูงอายุมีความประสงค์ที่จะรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้แนบเอกสารหลักฐานข้อมูล เพื่อยืนยันสิทธิตนเอง

เบี้ยผู้สูงอายุ คุณสมบัติ

บุคคลที่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2567 จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ คือ

1. สัญชาติไทย มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 คือ ต้องเกิดก่อนวันที่ 2 ก.ย. 2507 (สำหรับผู้ที่ทราบแค่ปีเกิด แต่ไม่ทราบวันเกิด/เดือนเกิด ให้ถือว่าเกิดวันที่ 1 ม.ค. ของปีนั้น ๆ)

2. ผู้สูงอายุต้องไม่เคยลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุมาก่อน หรือถ้าเคยลงทะเบียนมาก่อน แต่ย้ายภูมิลำเนามาใหม่ จะต้องมาลงทะเบียนใหม่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามทะเบียนบ้านใหม่

เช่น เคยลงทะเบียนรับเบี้ยยังชีพที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี 2562 แต่ปี 2566 เพิ่งย้ายภูมิลำเนามาอยู่ที่กรุงเทพ จะต้องไปลงทะเบียนใหม่ที่สำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพ

3. มีภูมิลำเนาอยู่ในเขต สำนักงานเทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามทะเบียนบ้าน

4. ต้องไม่เคยได้รับสิทธิประโยชน์เป็นรายเดือนจากหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ อปท. ไม่ว่าจะเป็นเงินบำนาญ เบี้ยหวัด บำนาญพิเศษ รวมถึงเงินอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน

เช่น ผู้สูงอายุที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ที่ได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทน รายได้ประจำ หรือผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นที่รัฐจัดให้เป็นประจำ

แต่!!! ตามกฎหมายใหม่ มีผลบังคับใช้ 12 ส.ค. 2566 คุณสมบัติในข้อ 4 จะเปลี่ยนเป็น

4. เป็นผู้ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพตามที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุกำหนด

เท่ากับว่าผู้ที่จะรับเบี้ยผู้สูงอายุต้องพิสูจน์ความจนก่อน ถึงจะได้รับเงินชรา หากเป็นผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเกณฑ์ก็จะหมดสิทธิรับเงินส่วนนี้

ส่วนผู้สูงอายุที่ได้ขึ้นทะเบียนและรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยู่ก่อนวันที่ระเบียบนี้บังคับใช้ ยังมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นต่อไป ตามบทเฉพาะกาล ข้อ 17

อ้างอิง ระเบียบกระทรวงมหาดไทย หลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2566 

ทว่าข่าวดีคือ ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจนเรื่องเกณฑ์การชี้วัดรายได้ที่ไม่เพียงพอ ทำให้ใช้ระเบียบการเบิกจ่ายฉบับเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีการกำหนดคุณสมบัติอย่างชัดเจน

ลงทะเบียน เงินผู้สูงอายุ 2568 ใช้เอกสารอะไรบ้าง

  1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่าย
  2. ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
  3. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับกรณีที่ผู้ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร

แต่ตามวิธีการลงทะเบียนแบบใหม่ เอกสารที่ใช้ยืนยันสิทธิ มีเพียง

(1) แบบยืนยันสิทธิการขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
(2) สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร สำหรับกรณีที่ผู้ที่ประสงค์ขอรับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุผ่านธนาคาร

เบี้ยผู้สูงอายุ อายุ 60, 70, 80, 90 ปี ได้เท่าไหร่

เงินผู้สูงอายุที่จะจ่ายให้ทุกเดือนตลอดชีวิต และจะปรับขึ้นตามอายุ

  • อายุ 60-69 ปี ได้รับเงิน 600 บาท/เดือน  
  • อายุ 70-79 ปี ได้รับเงิน 700 บาท/เดือน  
  • ส่วนอายุ 80-89 ปี ได้รับเงิน 800 บาท/เดือน  
  • อายุ 90 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 1,000 บาท/เดือน

ระหว่างปีงบประมาณ จะได้ปรับขึ้นเงินผู้สูงอายุเพิ่มเดือนไหน

ตามกฎหมายเดิม หากผู้สูงอายุมีอายุครบ 70, 80 หรือ 90 ปี ในระหว่างปีงบประมาณ จะยังไม่ได้ปรับเบี้ยเพิ่มขึ้นทันที โดยต้องรอการปรับเบี้ยในปีงบประมาณถัดไป

แต่ล่าสุดเมื่อเดือน มี.ค. 2566 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบกรณีการปรับอัตราการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได โดยให้จ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ณ วันที่มีอายุครบในเดือนนั้นทันที ไม่ต้องรอให้ครบปีงบประมาณ 

รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุได้ที่ไหนบ้าง ?

ผู้สูงอายุสามารถเลือกได้ว่าจะรับเงินเบี้ยยังชีพผ่านทางช่องทางใดต่อไปนี้

  1. รับเงินสดด้วยตนเอง
  2. ให้ผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจมารับเงินสดแทน
  3. โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้สูงอายุ
  4. โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบุคคลที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้สูงอายุ

ลงทะเบียน เบี้ยผู้สูงอายุ 2568 แล้วจะได้รับเงินเมื่อไหร่

การลงทะเบียนขอรับ เงินผู้สูงอายุ เป็นการลงทะเบียนล่วงหน้า เพื่อรับเงินในปีงบประมาณถัดไป ดังนั้น แม้จะลงทะเบียนก่อน แต่ไม่ได้รับเงินในทันที ทว่าจะได้รับเงินตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 เป็นต้นไป คือช่วงเดือน ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567

ส่วนจะได้รับเงินในเดือนไหน ขึ้นอยู่กับวันเกิดของผู้ลงทะเบียน โดยจะจ่ายให้ในเดือนถัดจากวันเกิด 1 เดือน เช่น

  • เกิดวันที่ 2-31 ต.ค. 2507 จะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2567
  • เกิดวันที่ 2-30 มิ.ย. 2508 จะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน ก.ค. 2568

ยกเว้นคนเกิดวันที่ 1 จะได้รับเงินในเดือนเกิดนั้นเลย เช่น เกิดวันที่ 1 พ.ย. 2507 จะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2567

อายุเกิน 60 ปี แต่เพิ่งมาลงทะเบียนครั้งแรก จะได้รับเงินเมื่อไหร่

หากใครมีอายุเกิน 60 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมาลงทะเบียนรับเบี้ยผู้สูงอายุ สามารถมาลงทะเบียนในช่วงเดือน ต.ค. 2566 – ก.ย. 2567 ได้เลย เพื่อรับเงินผู้สูงอายุในปีงบประมาณ 2568 โดยจะได้รับเงินครั้งแรกในเดือน ต.ค. 2567 (ไม่มีการจ่ายย้อนหลัง) โดยลงทะเบียนครั้งเดียว ก็จะได้เงินเข้าทุกเดือน ยกเว้นกรณีเปลี่ยนภูมิลำเนาต้องลงทะเบียนใหม่

มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ เงินบำนาญประกันสังคม ยังรับเบี้ยคนชราได้อีกมั้ย?

คำตอบคือ ได้ (หากมีหลักเกณฑ์เข้าคุณสมบัติเป็นผู้สูงอายุ)

แม้ว่าจะมีรายได้อยู่ แต่ยังมีรายได้ไม่เกินเกินเกณฑ์ที่กำหนด มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป และมีคุณสมบัติอื่น ๆ ครบตามเกณฑ์ ก็สามารถลงทะเบียนได้ หรือจะสละสิทธิ์การรับเบี้ยคนชราก็ทำได้เช่นกัน

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile