ทุกคนคงเคยเจอว่าตอนขอสินเชื่อหรือสมัครบัตรเครดิต เรากับเพื่อนก็เงินเดือนเท่ากัน แต่ทำไมบางครั้งก็ไม่ได้รับอนุมัติ ขอสินเชื่อไม่ผ่าน หรือบางครั้งก็ได้วงเงินไม่เท่ากัน ก็เพราะสถาบันการเงินประเมินพฤติกรรมการเงินแต่ละคนด้วย Credit Scoring (คะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่ง) โดยใช้วิธีทางสถิติในการประมวลผลโดยบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร
พี่ทุยได้สรุปข้อมูลให้ทุกคนได้เข้าใจเรื่อง Credit Scoring กันแบบง่ายๆ เพื่อจะได้ขอสินเชื่อหรือมีบัตรเครดิตให้ได้วงเงินมากที่สุด
รู้จักกับ Credit Scoring (เครดิตสกอริ่ง)
คือ คะแนนที่ชี้วัดความสามารถในการชำระหนี้ของแต่ละคน อ้างอิงจากข้อมูลการชำระหนี้ในอดีตและสถานะของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งถูกประเมินด้วยกระบวนการทางสถิติ โดยสถาบันการเงินจะ Credit Scoring เพื่อประกอบการอนุมัติสินเชื่อ
Credit Scoring แบ่งเป็น 8 ระดับ เรียงจากมีโอกาสผิดชำระหนี้มากที่สุดระดับ HH ไปสู่โอกาสผิดชำระหนี้น้อยที่สุดระดับ AA ตั้งแต่คะแนน 300-900
รู้จักกับเครดิตบูโร ผู้จัดทำ เครดิตสกอริ่ง กันหน่อย
เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่จัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภท ซึ่งส่งมาจากสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก โดยจัดเก็บข้อมูล 2 ส่วน คือ ข้อมูลบ่งชี้ตัวลูกค้า เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลที่อยู่ และอีกส่วนก็เป็นข้อมูลสินเชื่อ ซึ่งก็คือข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระหนี้ แบ่งเป็นรายบัญชีที่มีในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก (ไม่ได้นำข้อมูลทั้งหมดมารวมกัน)
ทำไมทุกคนต้องสนใจ เครดิตสกอริ่ง
เพราะสถาบันการเงินจะใช้ Credit Scoring พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นถ้ามี Credit Scoring ไม่ดี ก็จะทำให้ได้รับอนุมัติสินเชื่อน้อยกว่าวงเงินที่ยื่นขอ หรืออาจไม่ได้รับการอนุมัติ
แต่บางคนโดยเฉพาะน้องที่อยู่ในวัยเริ่มทำงานอาจเชื่อว่าการใช้จ่ายด้วยเงินสดตลอดเวลา จะช่วยให้ Credit Scoring อยู่ในระดับที่ดี เพราะไม่มีประวัติการผิดชำระหนี้เลย ซึ่งความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะกลับไม่มีหลักฐานว่าแต่ละเดือนใช้จ่ายเท่าไร มีประวัติการชำระหนี้อย่างไร
ดังนั้นการมีบัตรเครดิตและบริหารดี ไม่ผิดชำระหนี้ กลับช่วยให้ขออนุมัติสินเชื่อได้ดีกว่าผู้ที่ใช้เงินสดอย่างเดียว
ข้อควรรู้เกี่ยวกับสถาบันการเงินกับการใช้ Credit Scoring อนุมัติสินเชื่อ
เมื่อขอสินเชื่อทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน รถยนต์ บัตรเครดิต หรือแม้กระทั่งบริษัทขอสินเชื่อทางธุรกิจ สถาบันการเงินจะขอข้อมูล Credit Scoring จากเครดิตบูโร มาประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
ถ้า Credit Scoring อยู่ในระดับที่ดี สถาบันการเงินก็อนุมัติง่ายและมีโอกาสได้วงเงินมากกว่าที่ยื่นขอ แต่ถ้า Credit Scoring เข้าขั้นแย่ก็จะขอสินเชื่อยากหรืออาจได้อนุมัติวงเงินไม่เต็มจำนวน
พี่ทุยเจอหลายคนที่เจอบ้านสวย ทำเลถูกใจ แต่กลับต้องปล่อยหลุดมือไป เพราะ Credit Scoring ไม่ดีพอจะได้รับการอนุมัติสินเชื่อบ้าน ดังนั้นทุกคนควรรักษา Credit Scoring ให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
ติด Blacklist มีจริงหรือไม่?
ที่บอกได้แน่ๆ คือ เครดิตบูโร มีหน้าที่เพียงแค่รวบรวมข้อมูลและคำนวณ Credit Scoring ให้สถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิก การอนุมัติสินเชื่อเป็นสิทธิ์ของสถาบันการเงิน เครดิตบูโรไม่มีหน้าที่ทำ Blacklist ดังนั้น Blacklist ไม่มีอยู่จริง
แต่หลายครั้งที่ Credit Scoring แย่จนไม่ได้อนุมัติสินเชื่อ จึงเกิดความเชื่อว่ามีการติด Blacklist แต่ถ้ามองตามความเป็นจริงก็เข้าใจได้ง่ายว่าในเมื่อ Credit Scoring ไม่ดี สถาบันการเงินก็คงไม่อยากปล่อยสินเชื่อหรอก
จะรักษา Credit Scoring ให้ดี ต้องทำยังไง?
เมื่อเรามีเครดิตดีแล้ว การรักษาคะแนนเครดิตให้ดีต่อไปก็มีความสำคัญนะ
ชำระตรงเวลา
การชำระหนี้ตรงเวลามีสัดส่วนมากในการคิด Credit Scoring สะท้อนพฤติกรรมการใช้เงิน นอกจากนี้ยังทำให้เสียดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น และที่แย่กว่านั้นถ้าลืมชำระหนี้ก็ทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นไปอีก ส่วน Credit Scoring ก็เสียไปด้วย
ชำระครบ
เป็นส่วนที่ทำให้เห็นความสามารถในการบริหารจัดการเงิน ซึ่งหนี้บัตรเครดิตมักสร้างปัญหาข้อนี้ที่สุด จึงควรชำระเต็มจำนวน ไม่ควรผ่อนชำระขั้นต่ำ ซึ่งเทคนิคข้อนี้ยังช่วยให้น้องที่เริ่มทำงานสร้าง Credit Scoring ได้ด้วยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไม่เต็มวงเงิน และเป็นจำนวนที่ชำระหนี้ได้ เช่น วงเงิน 28,000 บาท แต่ใช้จ่ายเพียง 4,000-8,000 บาท พี่ทุยแนะนำว่าให้ใช้จ่ายกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียทุกเดือน ไม่ว่าจะเป็นค่าโทรศัพท์ ค่ารถไฟฟ้า หรือค่าอาหาร
ถ้ามีหนี้ที่ค้างชำระก็รีบชำระให้หมด ถ้าไม่สามารถชำระหนี้ได้ครบและตรงเวลา ควรติดต่อสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อ เพื่อเจรจาประนอมหนี้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่เคยผิดชำระหนี้และชำระหนี้ครบแล้ว แต่การผิดชำระหนี้จะถูกนำไปคำนวณ Credit Scoring และคงอยู่ในระบบเครดิตบูโร 3 ปี ซึ่งเมื่อครบ 3 ปี ข้อมูลการผิดชำระหนี้จะถูกลบออก และ Credit Scoring จะกลับสู่ระดับดีอีกครั้ง (ถ้าไม่มีการผิดชำระหนี้เพิ่มระหว่างนั้น)
มาถึงตรงนี้จะเห็นว่า Credit Scoring ที่ดีมีความสำคัญมากแค่ไหน ในเมื่อไม่มีใครรู้ว่าวันหนึ่งอาจต้องใช้เงินทุนก็ควรรักษา Credit Scoring ไว้ให้ดี ทุกครั้งที่จะใช้สินเชื่อหรือบัตรเครดิตต้องคำนึงว่าชำระหนี้ได้หรือไม่ และที่สำคัญใครที่มีบัตรเครดิตหลายใบ อย่าลืมชำระหนี้ให้ครบและตรงเวลา มิฉะนั้นจะเสีย Credit Scoring และดอกเบี้ยโดยไม่จำเป็น
อ่านเพิ่ม