รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ไม่ได้หมายถึงการออกรบอย่างเดียวนะ พี่ทุยกำลังพูดถึง Credit Scoring ตัวชี้วัดที่จะทำให้เรารู้จักกับคะแนนความน่าเชื่อถือทางการเงิน ใครที่เคยกู้ยืมเงิน ไม่ว่าจะลงทุนในกิจการ ซื้อบ้าน อาจจะเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง วันนี้พี่ทุยเลยจะมาสรุปให้ฟังชัด ๆ ว่า Credit Scoring คืออะไร
Credit Scoring คืออะไร ?
ตามความหมายที่บริษัท ข้อมูลเครดิต แห่งชาติ หรือที่เรารู้จักกันว่า เครดิตบูโร เป็นตัวชี้วัดความน่าจะเป็นในการชำระหนี้ โดยใช้ข้อมูลพฤติกรรมทางการเงินของผู้ที่เคยทำธุรกรรมการเงินในอดีตมาคาดการณ์ความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต
นั่นหมายความว่าผู้ที่มีชื่อในฐานข้อมูล Credit Scoring ต้องเคยทำธุรกรรมการกู้ยืมมาก่อนเช่น ผู้ที่มีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด ส่วนผู้ที่เป็นลูกค้าธนาคารฝาก-ถอนเงินไม่นับนะ เพราะถือว่าเป็นผู้ให้ธนาคารกู้ คนกลุ่มนี้ก็จะไม่มีประวัติในเครดิตบูโร
ต้องเข้าใจสถาบันทางการเงินว่า เขาก็ต้องแน่ใจว่า ถ้าเราไปกู้เขา เราจะสามารถใช้เงินคืนได้ตามที่ตกลงไว้ ซึ่งก็ใช้วิธีการให้คะแนนกับผู้กู้ตามพฤติกรรมการการเงินในอดีต เพื่อจัดอันดับความน่าเชื่อถือของลูกหนี้
ดังนั้นใครที่วางแผนจะ “กู้เงิน” กับธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ควรจะรู้คะแนนตัวเองก่อน อย่างที่พี่ทุยบอกว่ารู้เขา รู้เรานั่นเอง การที่เรารู้คะแนนตัวเองก่อน จะทำให้เราวางแผนเพิ่มคะแนนได้ถูกทาง คะแนนเครดิตจะดีขึ้น โอกาสกู้เงินผ่านก็มีสูง
การให้คะแนนจะถูกจัดเป็นรหัสเรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ ลำดับความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้สูงจากมากไปน้อย AA, BB, จนถึง HH เหมือนคะแนนในใบเกรดของเราเลย
เราสามารถตรวจสอบ Credit Scoring ด้วยตัวเองได้ 2 ช่องทางทั้งตรวจสอบ Credit Score จากบริษัท ข้อมูลเครดิต แห่งชาติ เตรียมบัตรประชาชนของตนเอง พร้อมค่าบริการ 100 บาท ตามศูนย์ตรวจสอบเครดิตบูโร https://www.ncb.co.th/faq หรือตรวจสอบผ่าน Mobile Banking ธนาคารทีเอ็มบี “TMB TOUCH” แบบรับเอกสารรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Credit report) หรือ ธนาคารธนชาต “Thanachart Connect” แบบรับรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
พี่ทุยจะชวนมาดู 5 วิธีการที่ช่วยให้คะแนนเครดิตดี ก่อนขอสินเชื่อ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้แหละที่ถูกนำไปคำนวณคะแนนสำหรับบุคคลธรรมดา
ลดจำนวนหนี้เดิม หยุดสร้างหนี้ใหม่
ยอดหนี้คงเหลือสามารถบอกได้ถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่จะกู้ยืมในอนาคตได้ โดยเทียบกับเงินเดือนที่เราได้กับจำนวนหนี้สินทั้งหมด และหนี้สินที่เกิดใหม่
ถ้ายอดหนี้คงเหลือสูง ก็มีความเสี่ยงสูงที่สภาพคล่องเราต่ำ ความสามารถในการชำระหนี้น้อย ผู้กู้ก็จะรู้สึกกลัวหนี้สูญจึงอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการได้สินเชื่อ ดังนั้นควรลดหนี้เดิม และชะลอการก่อหนี้ใหม่ก่อนที่จะขอสินเชื่อ
จ่ายหนี้ตรงเวลา
การจ่ายหนี้ตรงเวลาแสดงถึงความผิดชอบการการเงิน ในบางกรณีผู้กู้ไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแต่จ่ายเงินช้าตลอด สิ่งนี้ก็ทำให้ผู้กู้ไม่มั่นใจได้ และอีกกรณีคือผู้กู้จ่ายตรงเวลามาตลอด แต่เริ่มจ่ายช้าเพราะเกิดปัญหาทางการเงิน สัญญาณแรกคือการจ่ายหนี้ช้าลง สถาบันการเงินมีข้อมูลตรงนี้ก็จะเริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าให้สินเชื่อไปแล้วจะได้คืนรึเปล่า
ดังนั้นแล้วถ้าไม่ได้ติดปัญหาทางการเงินก็จ่ายหนี้ตรงเวลา ถ้าลืมจ่ายบ่อย ๆ ก็ใช้วิธีการตัดบัญชีออมทรัพย์อัตโนมัติ ที่หลาย ๆ ธนาคารก็ให้บริการตรงนี้อยู่แล้วจะได้ไม่เสียคะแนนเครดิตกันนะ
ชำระบัตรเครดิตให้เท่ากับหรือมากกว่าขั้นต่ำ
จำนวนบัญชีที่มีประวัติการชำระที่ดีมีผลต่อการให้สินเชื่อ นอกจากการจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาแล้ว การชำระหนี้บัตรเครดิตควรจ่ายให้มากกว่าขั้นต่ำถึงจะดีนะ การจ่ายน้อยกว่าขั้นต่ำนอกจากมีดอกเบี้ยปรับที่แพง ก็ยังแสดงถึงการขาดสภาพคล่องจนเรายอมให้สถาบันการเงินคิดค่าปรับที่สูง
ถ้าคิดแบบทั่ว ๆ ไปแล้วก็คงไม่มีใครยอมจ่ายแน่นอน เงินที่สถาบันการเงินได้จากค่าปรับก็สามารถนำไปใช้จ่ายประจำวันได้หลายอย่างเลย ยกเว้นผู้ที่มีปัญหาทางการเงิน
ลดดอกเบี้ยด้วยการ Refinance
หากภาระหนี้ที่มีหนักเกินไป พี่ทุยแนะนำให้ Refinance ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย และบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด อย่างบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดมีดอกเบี้ยที่โหดมาก ๆ มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงถึง 28% ดังนั้นการ Refinance ด้วยสินเชื่อบุคคล (“Personal Loan”) ที่ลดอัตราดอกเบี้ยให้จ่ายน้อยลง
แต่การ Refinance ต้องศึกษาให้ดีก่อนว่าหนี้สินที่เรามี และดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต้องคุ้มค่ามากกว่าค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ ไม่เช่นนั้นการ Refinance อาจทำให้เรา้องเสียเงินเพิ่มมากว่าเดิมอีก
ลดการขอสินเชื่อใหม่บ่อย ๆ ก่อนการขาดสินเชื่อครั้งสำคัญ
ปัจจัยที่มีผลอีกอย่างหนึ่งก็คือ ความถี่ในการขอสินเชื่อใหม่ บริษัท ข้อมูลเครดิต แห่งชาติได้รับข้อมูลจากสถาบันการเงินทุกครั้งเมื่อเราทำธุรกรรมกู้ยืม การขอสินเชื่อถี่ ๆ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แสดงถึงความต้องการสินเชื่อแบบเร่งด่วน ผู้กู้อย่างสถาบันการเงินอาจเกิดความไม่มั่นใจถึงสถานการณ์ทางการเงินของเรา และหากสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อพร้อมกัน
สถานบันการเงินเชื่อว่าผู้กู้จะมีปัญหาชำระหนี้ และขาดสภาพคล่อง เสี่ยงหนี้สูญ โอกาสที่สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อก็จะน้อยลง พี่ทุยว่าหากเราวางแผนจะขอสินเชื่อที่สำคัญ ๆ เช่น กู้ซื้อบ้านแล้วต้องวางแผนการยื่นขอสินเชื่อให้ดี ๆ โอกาสที่จะกู้ผ่านก็มีสูง
ใครที่วางแผนจะกู้อยู่ก็อย่าลืมตรวจเช็ก Credit Scoring ก่อนนะเพื่อที่จะได้ทำคะแนนเครดิตให้ดีขึ้น พี่ทุยแนะนำว่าคะแนนอยู่ที่ที่เกรด CC ขึ้นไป ก็จะปลอดภัยกว่า แม้ที่จริงแล้วเราไม่รู้เลยว่าสถาบันการเงินมีเกณฑ์การให้สินเชื่อแต่ละช่วงคะแนนเป็นสัดส่วนอย่างไร บางช่วงที่สถาบันการเงินรับความเสี่ยงสูงได้ก็อาจจะปล่อยสนเชื่อให้กลุ่ม DD ลงไปก็ได้
แต่ถ้าอย่างนั้นการที่เรามีคะแนนที่ดีก็แปลว่าเรามีพฤติกรรมใช้หนี้ที่ดี มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง โอกาสที่เราจะขอสินเชื่อก็ง่ายไปด้วย
Comment