เพียง 8 ชั่วโมง 19 นาที หลังเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะบน “วอลเล็ต สบม.” ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง ก็มียอดจองซื้อเต็มวงเงิน 5,000 ล้านบาท และกำลังจะมีการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะอีกครั้งในวันที่ 5 ก.พ. 64 นี้
พี่ทุยเลยขอพาไปรู้จักกับพันธบัตรรุ่นดังกล่าวและเปรียบเทียบแง่มุมที่สำคัญในการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้
“วอลเล็ต สบม.” คืออะไร ?
วอลเล็ต สบม. หรือ “วอลเล็ต สะสมบอนด์มั่งคั่ง” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมไปถึงการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์ที่ง่าย สะดวกสบาย และเท่าเทียม ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง
ความแตกต่างของ “วอลเล็ต สบม.” กับพันธบัตรรัฐบาลแบบปกติ
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีการจำหน่ายพันธบัตรแล้ว 2 รุ่น คือ
- พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะบนวอลเล็ต สบม.
- พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะ (เปิดขายวันที่ 5 ก.พ.)
พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะบนวอลเล็ต สบม. เป็นพันธบัตรออมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นโดยใช้เงินซื้อขั้นต่ำเพียง 100 บาท (จากปกติ 1,000 บาท) ซื้อได้สะดวกสบายผ่านวอลเล็ตสะสมบอนด์มั่งคั่ง ในแอปพลิเคชันเป๋าตัง โดยข้อมูลการถือครองจะแสดงให้เห็นในวอลเล็ตทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน
สำหรับนักลงทุนที่พลาดการซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะบนวอลเล็ต สบม. ก็สามารถซื้อพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะ โดยใช้เงินซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผ่านอินเทอร์เน็ต Mobile Application และเคาน์เตอร์สาขาของธนาคารตัวแทน 4 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย และไทยพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 5 – 19 ก.พ. 2564
รัฐบาลระดมทุนผ่านพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อจุดประสงค์อะไร ?
โดยปกติรัฐบาลจะออกหรือจำหน่ายพันธบัตรเพื่อระดมทุน (กู้เงิน) ไปใช้ในระบบเศรษฐกิจ เช่น ลงทุนหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะที่ออกจำหน่ายในปีนี้มีวัตถุประสงค์นำเงินไปบรรเทาผลกระทบ แก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เทียบกับกองทุนตราสารหนี้แล้ว อะไรน่าสนใจกว่ากัน?
พันธบัตรออมทรัพย์พิเศษทั้ง 2 รุ่นที่ออกจำหน่าย มีรุ่นอายุ 3 แบบ คือ
- รุ่นอายุ 5 ปี สำหรับจำหน่ายให้บุคคลธรรมดา มีอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได เฉลี่ย 2% ต่อปี
- รุ่นอายุ 10 ปี สำหรับจำหน่ายให้บุคคลธรรมดา มีอัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได เฉลี่ย 2.5% ต่อปี
- รุ่นอายุ 15 ปี สำหรับนิติบุคคลไม่แสวงกำไร มีอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 1.80% ต่อปี
ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่น่านำมาเปรียบเทียบกับพันธบัตรออมทรัพย์ นั่นก็คือกองทุนตราสารหนี้
อัตราผลตอบแทน
พันธบัตรออมทรัพย์ให้ผลตอบแทนที่ 1.8-2.5% ต่อปี ส่วนกองทุนตราสารหนี้ ผลตอบแทนที่นักลงทุนได้ในรูปแบบส่วนต่างของ NAV อันเกิดจากดอกเบี้ยและราคาของพันธบัตรและหุ้นกู้ที่กองทุนถือครอง มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ที่ประมาณ 1-3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุนตราสารหนี้
โดยหากเป็นประเภท Money Market ก็อยู่ที่ประมาณ 1% ต่อปี แต่ถ้าเป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ทั่วโลกก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนประมาณ 2-3% ต่อปี
สภาพคล่องในการใช้เงินต้นหรือเงินลงทุน
พันธบัตรออมทรัพย์จะคืนเงินต้นเมื่อครบอายุ หรือ หากต้องการใช้เงินลงทุนก่อนครบอายุก็ต้องขายต่อในตลาดรองของตราสารหนี้ คล้ายกับการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งราคาจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุนในตลาด ณ ขณะนั้น โดยพันธบัตรออมทรัพย์พิเศษรุ่นเราชนะบนวอลเล็ต สบม. สามารถขายได้หลังถือครองแล้ว 6 เดือน
โดยหากลงทุนผ่านกองทุนตราสารหนี้สามารถขายเพื่อใช้เงินลงทุนได้ทุกวันทำการ ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะมีหน้าที่ขายตราสารหนี้ในกองทุนผ่านตลาดรองให้ได้ราคาดีที่สุด จากนั้นรอรับเงินเข้าบัญชีภายใน 1-4 วันทำการ
แต่ละสินทรัพย์การเงินมีข้อดีที่แตกต่างกัน พี่ทุยคิดว่าการตัดสินใจลงทุนจึงต้องพิจารณาจากจุดประสงค์การลงทุนของเงินก้อนนั้นเป็นหลัก
หากพิจารณาในมุมมองนักลงทุนผู้ซึ่งมองหาโอกาสในอนาคตอยู่ตลอดเวลา สภาพคล่องของเงินลงทุนเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งกองทุนตราสารหนี้จะมีข้อได้เปรียบกว่าการลงทุนโดยตรงในพันธบัตรออมทรัพย์ แต่พันธบัตรออมทรัพย์จะมีอัตราผลตอบแทนแน่นอนกว่าและอาจสูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ได้ในบางช่วงเวลาจึงเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการออมเงินในระยะยาว
Source: ธนาคารแห่งประเทศไทย