โครงการ EEC เป็น TALK OF THE TOWN มาได้พักใหญ่ๆแล้ว ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ จะเห็นว่าเหล่าโบรคเกอร์ทั้งหลายพากันติดฉลากในหุ้นที่ให้คำแนะนำซื้อว่า จะเป็นหุ้นที่ “ได้รับประโยชน์จากโครงการ EEC” บทความนี้พี่ทุยจะพาทุกคนขยับไปใกล้ชั้นวางสินค้าของโบรคเกอร์และมาดูกันให้ชัดๆ สิว่า “โครงการ EEC” ที่เอาไว้ติดฉลากเพิ่มมูลค่าหุ้นของกิจการต่างๆ คืออะไรกันนะ
โครงการ EEC ย่อมาจาก Eastern Economic Corridor หรือแปลเป็นไทยสวยๆได้ว่า “โครงการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก” โครงการนี้เป็นหนึ่งในแผนกลยุทธ์ไทยแลนด์ 4.0 และต่อยอดมาจากโครงการทำมานานแล้วกว่า 30 ปี อย่าง Eastern Seaboard
จากชื่อ เราก็น่าจะพอเดาได้ว่า โครงการนี้จะโฟกัสไปที่ภาคตะวันออก การลงทุนใน EEC นี้จะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันและทำให้เศรษฐกิจโตได้ในระยะยาว โดยในระยะแรกจะยกให้ ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา เป็นดาวเด่น
ดีที่ว่า 3 จังหวัดนี้มีความพร้อมมากกว่าจังหวัดอื่นๆที่พร้อมเข้าร่วมโครงการ EEC มาอย่างดีแล้ว เพราะเป็นจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่พรั่งพร้อม ทั้งโรงงานนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ สนามบินและท่าเรือ การแต่งหน้าให้กับผู้ที่มีโครงหน้าดีอยู่แล้วจึงเป็นงานที่ไม่ยุ่งยากนักโครงการของ EEC ก็อย่างเช่น
- สร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) 158,000 ล้านบาท
- รถไฟทางคู่เชื่อมแหล่งอุตสาหกรรมกับท่าเรือ 64,300 ล้านบาท
- พัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง 88,000 ล้านบาท
- พัฒนาท่าเรือมาบตาพุด 10,150 ล้านบาท
- ก่อสร้างถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง 35,300 ล้านบาท
- พัฒนาเมืองในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา 400,000 ล้านบาท
- ลงทุนด้านการท่องเที่ยว 200,000 ล้านบาท
- พัฒนาเขตนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและลงทุนกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย 500,000 ล้านบาท
มีโครงการไหนที่กำลังจะยื่นซองประมูลหรือประมูลเสร็จสิ้นไปแล้วบ้าง ?
โดยมีโครงการที่สรุปผลผู้ที่ชนะการยื่นประมูลเรียบร้อยแล้ว 1 โครงการคือ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมระหว่างสนามบินอู่ตะเภา ดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้นั่นเอง ซึ่งผู้ชนะการประมูลก็คือ กลุ่ม CP ซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมกับอีก 4 บริษัทคือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, China Railway Construction Corporation Limited, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (CK), บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
ซึ่งพันธมิตรของกลุ่ม CP ก็น่าสนใจไม่น้อย ทั้ง CK, ITD, BEM ที่เราๆ ก็รู้ฝีมือเค้าดีอยู่แล้วและบริษัทสัญชาติจีนระดับโลกอย่าง China Railway ส่วนเรื่องการเงิน ก็มีจีนกับญี่ปุ่นมาช่วยกันเปย์แหละ เรียกได้ว่า เป็นการร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมเงินกันหลายชาติสมเป็น EEC ทีเดียว
ส่วนโครงการที่กำลังเนื้อหอมมากในตอนนี้ คือ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมีเอกชนมารุมจีบหลายสิบเจ้า รัฐบาลวางเป้าว่าในอีก 5 ปีสนามบินแห่งนี้จะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 60 ล้านคนต่อไป ไม่ต้องสืบเลยว่าในอนาคตเมืองพัทยา-ระยองเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่ป๊อปปูลาร์มากแค่ไหน ส่วนโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังและโครงการท่าเรือมาอุตสาหกรรมบตาพูดก็มีความคืบหน้าเช่นกัน เพราะมีผู้ยื่นซองประมูลหลายสิบรายแล้ว อาจจะเป็นผลมาจาก GDP ของไทยที่ดูน่าสนใจ เพราะมีผลประมาณการว่าจะโต 3.9% ซึ่งมากกว่า GDP เฉลี่ยรวมของโลกที่ 2.9% แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบซะทีเดียว เพราะกลุ่ม CP เค้าต้องขับเคี้ยวเคี้ยวฟันกับคู่แข่งคนสำคัญอย่าง BTS กว่าจะคว้างานประมูลนี้มาได้
แล้วทำไมกลุ่ม CP ถึงชนะการประมูล ?
เหตุผลง่ายๆเลยก็เพราะว่า ถ้าเราลองคิดว่าเราเป็นผู้ผลิตเราจะเลือกบริษัทไหน ระหว่างบริษัทที่เสนอราคาแพงกับบริษัทที่เสนอผลิตของให้เราในราคาที่ถูกกว่า ร้อยทั้งร้อยก็คงเลือกบริษัทหลัง กลุ่มซีพีเสนอให้รัฐจ่ายน้อยกว่า BTS ถึงประมาณเก้าหมื่นล้านบาท สุดท้ายแล้วหวยก็เลยมาออกที่กลุ่ม CP ของถูกกว่าใครจะไม่ชอบล่ะ เหมือนเวลาที่เราถลาเข้าหาป้ายลดราคาไง (ฮ่า)
มาส่องความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นกับราคาหุ้นกันบ้างหลังจากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป
วันที่ 5 เมษาที่มีการสรุปผลผู้ชนะการประมูล BEM ก็ดีดกลับ 2% และกลับมาเล่นในกรอบราคาเดิมด้วยปริมาณการซื้อขาย 268.22 ล้านบาท
ส่วนราคาหุ้นของบริษัทพันธมิตรอื่นๆ อย่าง ITD และ CK ก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยปริมาณการซื้อขายที่ไม่โดดเด่นมากนัก ถ้ามองกราฟด้วยเทคนิคอล เราอาจจะบอกได้ว่า ข่าวดีในครั้งนี้ไม่สามารถดึงให้หุ้นเบรคแนวต้านและขยับขึ้นไปเล่นในกรอบที่สูงขึ้นได้
มาดูที่ฝั่งผู้แพ้อย่าง BTS กันบ้าง หลังจากข่าวนี้ประกาศออกไปราคาก็ลดลงตอบสนองเล็กน้อย ก่อนที่จะถูกเทขายในวันต่อมาและโดนแรงซื้อดึงกลับจนปิดในแดนบวกพร้อมหางยาวเฟื้อย
ข้อดีและข้อเสียของโครงการ EEC ทั้งหลาย รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่เพิ่งประกาศผลผู้ชนะการประมูลเสร็จไปสดๆ ร้อนๆ เป็นเรื่องของอนาคตในอีกหลายปีข้างหน้า แต่ที่พี่ทุยมั่นใจในตอนนี้เลยก็คือ คนไทยทุกคนจะได้ประโยชน์กันถ้วนหน้าแน่ๆ มีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอย่างนี้ จะกาปฏิทินรอสร้างเสร็จเลย! (ฮี่ฮี่)
Comment