เกิดอะไรขึ้นกับ "หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล" ?

เกิดอะไรขึ้นกับ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ?

 

ฉบับย่อ

  • คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพิ่มยา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ รวมเป็นสินค้าควบคุม ทำให้ราคาหุ้นโรงพยาบาลที่มีฐานลูกค้าพรีเมี่ยม ราคาปรับลดลงเป็นอย่างมาก
  • ในอดีตประเทศไทยได้รับประโยชน์จากสวัสดิการของประเทศอาหรับ ที่ให้คนในประเทศอาหรับสามารถรักษาพยาบาลในต่างประเทศได้โดยรัฐออกเงินให้ 90% แต่เนื่องจากจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2016 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ปรับลดลงจาก 90% เหลือเพียง 50% ส่งผลให้ราคาหุ้นโรงพยาบาลในประเทศไทยลดลงไปด้วย
  • ในประเทศไทยมีหุ้นโรงพยาบาลทั้งหมด 22 หุ้น โดยมียักษ์ใหญ่ได้แก่ BDMS และ BH
  • หุ้นโรงพยาบาลในไทยในปัจจุบันเทรดอยู่ที่ P/E 32 เท่า ในขณะที่ SET มี P/E ประมาณ 15 เท่า

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ในวันที่ 9 มกราคม 2562 ที่ผ่านมาคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีมติเพิ่มยา เวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ เข้าบัญชีสินค้าควบคุมปี 2562 สิ่งที่ตามมาทันที ก็คือ ราคาหุ้นของโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่รับลูกค้าพรีเมี่ยม ราคาปรับตัวลดลงกว่า 8% นำโดย BH หรือโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ที่มีลูกค้าพรีเมียมทั้งไทยและต่างประเทศ

เกิดอะไรขึ้นกับ "หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล" ?

ตามด้วยหุ้น BDMS ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลกรุงเทพ สมิติเวช พญาไท เปาโล BNH ก็ปรับลดลงเช่นเดียวกัน

เกิดอะไรขึ้นกับ "หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล" ?

ถึงแม้การควบคุมในครั้งนี้จะกระทบกลุ่มโรงพยาบาลโดยรวมก็ตาม แต่ต้องบอกว่าโรงพยาบาลที่กระทบโดยตรงเต็มๆจะเป็นโรงพยาบาลที่มีบริการพรีเมี่ยมเพราะว่ามีราคา ค่ายาและค่าบริการต่างๆที่ค่อนข้างสูงซึ่งการควบคุมครั้งนี้อาจจะกระทบรายได้ของโรงพยาบาล แต่สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลที่รับ “ประกันสังคม” นั้นจะได้รับผลกระทบที่น้อยกว่าเพราะโดยปกตินั้น โรงพยาบาลเหล่านี้ไม่ได้มีค่ารักษาพยาบาลที่สูงเป็นพิเศษทำให้ได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า

แล้ว ณ ปัจจุบันในไทยมีหุ้นโรงพยาบาลอะไรบ้าง ?

ปัจจุบันในตลาดไทย SET มีหุ้นกลุ่ม Health Care Service อยู่ 22 ตัว โดยหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้น ได้แก่ BDMS ที่มีมูลค่ามากกว่า 358,819 ล้านบาท ตามด้วย BH 129,717 ล้านบาท, SVH 42,600 ล้านบาท BCH 40,648 ล้านบาท, RAM 32,400 ล้านบาท และ THG 27,807 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าสัดส่วนมากกว่าครึ่งจะเป็นของ BDMS เครือโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 12 มกราคม 2019)

เกิดอะไรขึ้นกับ "หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล" ?

ทำไม “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” ถึงมีคนสนใจ ?

โดยปกติแล้วนักลงทุนจะใช้ P/E (Price/Earning) เพื่อดูว่าหุ้นตัวนี้ ตอนนี้ถูกหรือแพง โดย P/E ของ SET หรือตลาดไทยนั้นอยู่ที่ประมาณ 15-16 เท่า แต่ในขณะที่หุ้นกลุ่ม Health Care Service กลับมี P/E ที่สูงถึง 32 เท่า แสดงให้เห็นว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลนั้นมีราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย

เหตุผลหนึ่งในนั้น คือ “หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล” มักมีรายได้ของที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอและมั่นคง บวกกับความต้องการทางการแพทย์ที่มากขึ้นทั้งในปัจจุบันและอนาคต แล้วในปัจจุบัน คนเจ็บป่วยกันง่ายขึ้นแต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะอายุยืนขึ้น ทำให้ความต้องการทางการแพทย์เป็นเรื่องที่จะขาดไม่ได้และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก รวมถึงลูกค้าที่มีรับบริการการรักษาในไทยที่มีจำนวนมาก เพราะในไทยมีระดับบริการที่ดีและมีราคาที่ถูกเมื่อเทียบกับประเทศรอบข้าง

นอกจากแนวโน้มต่างๆ ยังมีข่าวโรงพยาบาลในอดีตช่วยหนุน

ในช่วงปี 2008 United Arab Emirates (UAE) ได้ตั้งโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้กับประชาชนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ชื่อโครงการว่า Thiqa ทำให้ผู้ป่วยในประเทศไม่ต้องจ่ายค่ารักษาเอง และหากบินมารักษาในรพ.ต่างประเทศจะได้รับเงินช่วยเหลือในการรักษาสูงถึง 90%

ทำให้โรงพยาบาลชั้นนำในแถบ Asia ได้ผลประโยชน์นี้ไปเต็มๆ และหนึ่งในนั้นก็คือโรงพยาบาลชั้นนำในไทย เพราะได้รับบริการและการรักษาที่ดีและราคาไม่แพง ทำให้โรงพยาบาลใหญ่ๆในไทย อย่างโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ต้องขยับขยายลงทุนเพิ่มเติมเพื่อให้รองรับผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้ BH เป็นที่จับตามองจนราคาพุ่งไปสูงถึง 260 บาทต่อหุ้น ช่วงนั้นเราจะเห็นชาวต่างชาติเต็มรพ.ไปหมดเลย

แต่แล้วในเดือน ก.ค. 2016 กระทรวงสาธารณสุขของอาบูดาบีได้ปรับกฏประกันสุขภาพซึ่งเป็นรายจ่ายของประเทศ เพราะปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและราคาน้ำมันในช่วงนั้น ส่งผลให้ผู้ถือบัตร Thiqa ต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมที่ไม่ต้องเสียเลย และกรณีที่รักษาในต่างประเทศต้องจ่ายเพิ่มเป็น 50% ทำให้ราคาหุ้นโรงพยาบาลในหลายๆประเทศรวมถึงไทยมีราคาลดลงเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เกิดขึ้น อย่างข่าวการควบคุมราคาสินค้าและบริการของ กกร. ที่ได้เพิ่มยา เวชภัณฑ์ การรักษาและบริการทางการแพทย์เข้าไปในสินค้าควบคุม ก็เป็นอีกข่าวหนึ่งที่ทำให้หุ้นโรงพยาบาลลงหนักอีกครั้งนั่นเอง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย