5 วิธีคิดของ Bill Gates มหาเศรษฐีต้องมี mindset ยังไง?

5 วิธีคิดของ Bill Gates มหาเศรษฐีต้องมี mindset ยังไง?

3 min read  

ฉบับย่อ

  • มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก Bill Gates มีอิทธิพลทั้งในวงการเทคโนโลยีและลงทุน พร้อมเกียรติประวัติอันเลื่องชื่อในการพา Microsoft จากบริษัทที่ไม่มีใครรู้จักต่อสู้กับยักษ์ใหญ่แห่งวงการในยุค 1970 อย่าง IBM พร้อมเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งไม้เบื่อไม้เมากับ Apple ที่นำโดย Steve Jobs
  • ถึงจะดูยิ่งใหญ่มาก แต่การทำงานเช่นนี้ก็สามารถสรุปได้เป็น 5 ข้อหลัก คือ Passion, ทำงานหนัก, Teamwork, เชื่อใจแต่ตรวจสอบ และกล้าตัดสินใจ เรียนรู้จากความผิดพลาด
  • ปัจจุบัน Microsoft ภายใต้การนำของ Satya Nadella มี 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย Productivity and Business Processes, Intelligent Cloud และ More Personal Computing ไตรมาส 3 ปี 2023 Microsoft มีรายได้รวม 56,190 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 20,100 ล้านดอลลาร์

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

แม้จะวางมือจาก Microsoft ไปนานแล้ว แต่ชื่อของมหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก Bill Gates ยังมีอิทธิพลทั้งในวงการเทคโนโลยีและลงทุน เกียรติประวัติอันเลื่องชื่อในการพา Microsoft จากบริษัทที่ไม่มีใครรู้จักต่อสู้กับยักษ์ใหญ่แห่งวงการในยุค 1970 อย่าง IBM พร้อมเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งไม้เบื่อไม้เมากับ Apple ที่นำโดย Steve Jobs ครองโลกคอมพิวเตอร์จนถึงทุกวันนี้ ย่อมเกิดจากความสามารถอันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ถึงจะดูยิ่งใหญ่มาก แต่การทำงานเช่นนี้ก็สามารถสรุปได้เป็น 5 ข้อหลัก ที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้บริหาร หรือฟรีแลนซ์ สามารถเอาไปใช้พัฒนาการทำงานได้ บทความนี้พี่ทุยจะมาย่อยให้ทุกคนได้นำไปใช้กัน

5 แนวคิด Bill Gates สร้างความสำเร็จ

นี่คือ 5 แนวคิดแบบ บิล เกตส์ ในการสร้างความมั่งคั่ง สร้างชีวิตให้ประสบความสำเร็จจนมาถึงทุกวันนี้

1. มี Passion ต้องรักในสิ่งที่ทำ

บิล เกตส์ เป็นเก่งกาจทั้งวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ แถมหลงใหลคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ในยุคนั้น ช่วงมัธยมต้น (เกรด 8) เป็นระดับชั้นที่หลายโรงเรียนยังไม่ให้นักเรียนเข้าถึงคอมพิวเตอร์ Mothers Club ชมรมในโรงเรียนที่ บิล เกตส์ เรียนอยู่ซื้อคอมพิวเตอร์ Teletype Model 33 และจัดสรรเวลาให้นักเรียนได้เข้าถึงคอมพิวเตอร์เครื่องนี้

ซึ่ง บิล เกตส์ หลงไหลการเขียนโปรแกรมแทนที่จะใช้เวลาเล่นสนุกเหมือนนักเรียนคนอื่น ในวัยเดียวกัน และใช้เวลาทำงานหา bugs ในคอมพิวเตอร์ของโรงเรียน จากนั้นเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Harvard แต่ผ่านไป 2 ปี ก็ดรอปเรียนหันไปตั้งบริษัท Software ร่วมกับเพื่อน กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Microsoft มุ่งมั่นสร้างคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลให้ได้

ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ และบิล เกตต์ใช้ความสนใจและความรักในการทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ช่วงแรกๆจะเจ๊ง ถึงแม้จะตกอยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่ยากลำบากของชีวิต แต่ก็ยังมุ่งมั่นทำงานให้ดีที่สุด เพื่อวันหนึ่งสร้างโอกาสพลิกกลับมาให้ได้

2. ทำงานหนัก

ปี 1980 ยอดขาย Microsoft ต่ำกว่าที่คาดไว้ บริษัทไม่มีงบจ้าง Sales Manager เลยกลายเป็น บิล เกตส์ ที่เข้าบริหารงานเอง ตอนนั้นพบว่าโปรแกรม BASIC ที่ขายให้กับ MITS ถูกละเมิดลิขสิทธิ์ Microsoft จึงไม่ต่อสัญญากับ MITS

จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเขียนระบบ MS-DOS แล้วเปิดดีลขายลิขสิทธิ์ในตัวระบบปฏิบัติการนี้ให้กับ IBM (ไม่ขายขาด) ทำให้ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM ที่ขายได้ Microsoft ก็ได้ส่วนแบ่งรายได้ด้วยเช่นกัน และบริษัทคอมพิวเตอร์เจ้าอื่นก็เข้ามาขอลิขสิทธิ์ด้วย นับจากนั้น Microsoft ก็ครองโลกคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลด้วยระบบ Microsoft Office

3. Teamwork ไปด้วยกันไปได้ไกล

ปรัชญาข้อนี้เกิดขึ้นนับตั้งแต่วันแรกของ Microsoft โดย บิล เกตส์ ไม่ได้ตั้งบริษัทด้วยตัวคนเดียว แต่ตั้งบริษัทกับเพื่อนสนิทอย่าง Paul Allen นอกจากนั้นยังมี บิล เกตส์ จะประชุมกับหลายทีมทั่วบริษัทเพื่อเรียนรู้ข้อมูลแต่ละโปรเจค จากนั้นนำข้อมูลเหล่านั้นมาผลักดันหรือแนะนำให้หลายทีมทำงานร่วมกันเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้

4. Bill Gates เชื่อใจ แต่ตรวจสอบ

ผู้ที่เคยทำงานกับ บิล เกตส์ คนเดียวกันนี้เผยอีกว่า บิล เกตส์ มักถามคำถาม แต่ไม่ใช่คำถามจุกจิกเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของผู้ทำงานแต่ บิล เกตส์ จะตั้งคำถามที่ท้าทายเพื่อช่วยให้ทุกคนคิดทบทวนอย่างรอบคอบ

แนวทางนี้ส่งไปทั่วบริษัท สร้างวัฒนธรรมให้ผู้ทำงานไม่รู้สึกว่าโดนก้าวก่ายงาน แต่ทุกคำถามจะเป็นการตรวจสอบเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด

5. กล้าตัดสินใจ เรียนรู้จากความผิดพลาด

การเดินออกจากรั้วมหาวิทยาลัยตั้งบริษัท ยกเลิกสัญญาลิขสิทธิ์กับ MITS นับเป็นการตัดสินใจอันยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าวันนั้น บิล เกตส์ ไม่ตัดสินใจแบบนั้น ก็คงคิดไม่ออกว่าโลกคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะเป็นเช่นไร

ไม่ใช่ว่าทุกการตัดสินใจจะประสบความสำเร็จ ซึ่ง บิล เกตส์ ก็เคยเจอเหมือนกัน เช่น ไม่สร้าง Search Engine ปล่อยโอกาสนี้ให้ Google, ช่วยเหลือ Apple เมื่อปี 1997, ประเมินความสามารถโลกออนไลน์ต่ำเกินไป แต่เชื่อว่าความผิดพลาดเหล่านี้ช่วยให้ บิล เกตส์ ผลักดัน Microsoft สร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตามเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนไป และก็ยังคงเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ครองโลกมาถึงทุกวันนี้

ส่องธุรกิจ Microsoft ทุกวันนี้ไม่มี Bill Gates เป็นอย่างไร?

ปัจจุบัน Microsoft ภายใต้การนำของ Satya Nadella มี 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

  • Productivity and Business Processes

ให้บริการซอฟต์แวร์และ cloud ทั้งระบบในออฟฟิศและใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมไปถึง LinkedIn

  • Intelligent Cloud

 ให้บริการระบบเซิฟเวอร์และ cloud ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลักชื่อว่า Azure ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว จน Microsoft ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 2 ของตลาด cloud ทั่วโลก

  • More Personal Computing

มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ Windows และ cloud รวมถึงฮาร์ดแวร์

เมื่อไตรมาส 3 ปี 2023 Microsoft มีรายได้รวม 56,190 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว กำไรสุทธิ 20,100 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว

ในระยะสั้นราคาหุ้นจะปรับตัวลงบ้าง หลังพุ่งขึ้นมาตลอดด้วยกระแส AI แต่ในระยะยาวด้วยวิสัยทัศน์ที่คมชัดของ Satya Nadella ซึ่งมีผลงานเด่นด้วยการหันไปเน้นธุรกิจ cloud และขายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์แบบ subscription จนพลิก Microsoft กลับมาเป็นหุ้นเติบโตอีกครั้ง ต้องบอกว่า Microsoft ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อ

นอกจากนี้การเปิดเกมส์เข้าสู่อุตสาหกรรม AI ด้วยการเปิดตัว ChatGPT และเริ่มนำมาขายระดับองค์กรภายใต้ผลิตภัณฑ์ Azure OpenAI ยิ่งช่วยเพิ่มการเติบโตอีกครั้ง เพิ่งแต่ต้องใช้เวลาให้มีการใช้อย่างแพร่หลาย

ในทางกลับกันทุกบริษัทต่างเข้าสู่อุตสาหกรรม AI ทำให้ในอนาคตต้องติดตามว่าจะมีการนำกลยุทธ์ตัดราคามาใช้เมื่อใด และกระทบกับรายได้ของ Microsoft ขนาดไหน นอกจากนี้ต้องติดตามอีกว่าบริษัทจะหาผลิตภัณฑ์ไหนมาทดแทน Azure ที่เริ่มเติบโตช้าลง

If you’re born poor it’s not your mistake but if you die poor, it’s your mistake.

นี่ถือเป็นวลีทองของ Bill Gates ที่โด่งดังไปทั่วโลก ถ้าเราเกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ถ้าเราตายไปแล้วยังจนอยู่ นั่นคือ ความผิดของเราเอง !

5 แนวคิดการสร้างความมั่งคั่งของบิล เกตต์ พี่ทุยเชื่อว่า ไม่ได้ใช้แค่เรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัวเท่านั้น แต่ยังนำไปปรับใช้ในด้านการเรียนการทำงาน การดำเนินชีวิต การทำธุรกิจ อื่น ๆ ได้อีกด้วย ไม่ใช่แค่ความร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าประทับใจกว่า เมื่ออายุราว ๆ 52 ปี บิล เกตต์ ได้วางมือจากการเป็น CEO บริษัทไมโครซอฟท์ เพื่อเกษียณและก่อตั้งมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation

พี่ทุยเชื่อว่าพวกเราจะได้แนวคิดพร้อมทั้งแรงบันดาลใจจากผู้ชายคนนี้ อ่านจบแล้ว เราก็พร้อมที่จะออกไปสร้างความมั่งคั่งกันได้แล้วล่ะ !

อ่านเพิ่ม

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย