หนัง​ The Wolf of Wallstreet มีส่วนเกี่ยวข้อง​กับ​ “1MDB”

หนัง​ The Wolf of Wallstreet มีส่วนเกี่ยวข้อง​กับ​ “1MDB”

4 min read  

ฉบับย่อ

  • ช่อ​-พรรณิการ์ วานิช อดีต​โฆษกพรรคอนาคตใหม่ออกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพลเอกประยุทธ์​ เรื่องที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสต​ร์ของประเทศ​มาเลเซียในกองทุน​ “1MDB”
  • กองทุน​ “1MDB”เป็นกองทุนที่จัดตั้งในปี​ 2009​ ด้วยวัตถุประสงค์​เพื่อผลักดัน​เศรษฐกิจ​ของประเทศมาเลเซีย​ ด้วยความต้องการจะให้กัวลาลัมเปอร์​เป็นศูนย์กลาง​ทางการเงิน​ของเอเชีย​ แต่ในปี​ 2015​ กลับผิดนัดชำระหนี้ ​1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ​และขาดทุนรวม​ 3.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
  • มีความเกี่ยวพันกับหนังเรื่อง​ The​ Wolf of Wallstreet เพราะว่า​ ราซี​ อาซิซ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท​ Red​ Granite Picture ผู้สร้างภาพยนตร์​เรื่องนี้เป็นลูกบุญธรรม​ของ นาจิบ ราซัก ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี​ของประเทศมาเลเซียและประธานกรรมการ​ที่ปรึกษา​ของกองทุน​ “1MDB”​ ซึ่งมีหลักฐาน​ว่า นาจิบ ราซัก โอนเงินให้ ราซี​ อาซิซ และเค้าโอนต่อไปยังบัญชีของบริษั​ท​ Red​ Granite
  • นอกจากนี้มีการเปิดเผยเอกสารว่า​ โจโลว์ ซึ่งมีส่วนสำคัญในเรื่องคดีฟอกเงิน​ “1MDB”​ ได้โอนเงินจำนวน​ 9​ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ​ไปยังบัญชี​ของบริษั​ท​ Red​ Granite พร้อมทั้งระบุว่า​ เป็นค่าสร้างภาพยนตร์เรื่อง​ The​ Wolf of Wallstreet​ ล่วงหน้า​

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

เชื่อว่าทุกคนน่าจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับ​ “1MDB” กัน​ เพราะถูกแชร์​กันว่อนให้ทั่วโซเชียลเลย​ หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบและ ช่อ​-พรรณิการ์ วานิช ได้ออกมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนอกสภาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสต​ร์ของประเทศมาเลเซียผ่านกองทุน​ “1MDB” ​ซึ่งพี่ทุยได้เล่าเรื่องนี้ไว้อย่างละเอียดแล้ว​ เข้าไปอ่านได้ที่ “1MDB” อาชญากรรมฟอกเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

พี่ทุยขอทวนสั้น ๆ เผื่อ​ว่าใครลืมไป​ “1MDB” ย่อมาจาก​ “1 Malaysia Development​ Berhad” ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ​ จัดตั้งโดยนายกรัฐมนตรี​สมัยนั้นที่ชื่อว่า​ นาจิบ ราซัก (Najib​ Razak) ก่อตั้งมาในปี​ 2009​ ด้วยวัตถุประสงค์​เพื่อผลักดัน​เศรษฐกิจ​ของประเทศ​มาเลเซีย​ อยากให้กัวลาลัมเปอร์​เป็นศูนย์กลาง​ทางการเงินของเอเชียอะไรทำนองนี้​ แต่เรื่องก็เริ่มมีกลิ่นตุ ๆ​ เมื่อปี  2015 ที่กองทุน​เริ่มผิดนัดชำระหนี้จำนวน​ 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ​และผลการดำเนินการใน​ 6 ปีที่ผ่านมาขาดทุนไปทั้งสิ้น​ 3.3 แสนล้านบาท!

ทายสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น​ ถ้ามีคนมายืมเงินเรา​ 3,700 เเล้วเบี้ยวเราก็คงเคืองแล้ว​ แต่นี่​ 3.3​ แสนล้านบาท​ พอเจ้าหนี้รู้ตัวว่า​ “อ่าวเฮ้ย… ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า” ก็เกิดการขุดคุ้ยเเละสืบสาวกันยาว ๆ ไป​

เงินของกองทุน​ “1MDB” กระจายไปทั่วโลกและเกี่ยวพันโยงใยไปถึง 10 ประเทศ นอกจากมาเลเซียแล้วยังมีออสเตรเลีย ฮ่องกง อินโดนีเซีย ลักเซมเบิร์ก เซเชลส์ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สิงคโปร์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เมื่อรู้เรื่องกันคร่าว ๆ​ แล้ว​ บางคนก็อาจสงสัยขึ้นมาว่า​ “แล้วเรื่องกองทุน​ “1MDB”​ ไปเกี่ยวกับหนังฝรั่งที่มี​ Leonardo DiCaprio นำแสดงได้อย่างไรกันเนี่ย​ มันดูเป็นเรื่องคนละซีกโลกกันเลย” มาเริ่มกันเลย​ พี่ทุยขอแนะนำให้รู้จักตัวละคร​ 3 คนที่จะเป็นตัวดำเนินเรื่องของเราในวันนี้นะ

1. อดีตนายกรัฐมนตรี​ประเทศ​มาเลเซีย​และประธานคณะกรรมการ​ที่ปรึกษาของกองทุน​ “1MDB”​ เค้าคนนี้ชื่อว่า​ นาจิบ ราซัก (Najib​ Razak) มีภรรยาชื่อ​​ โรสมาห์​ มานซอว์ (Rosmah Mansor)

2. โจโลว์ หรือ โล แท็ก โจ (Low Taek Jho เป็นนักธุรกิจ​จากปีนัง​ ​ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันกับ​ ราซี​ อาซิซ (Razi Aziz) และเป็นคนสนิทของ นาจิบ ราซัก

3. ราซี​ อาซิซ (Razi​ Aziz)​ เป็นลูกบุญธรรมของ ​นาจิบ ราซัก ตัวละครในข้อ​ 1 และเป็นเพื่อนสนิทของโจ​ โลว์ตัวละครในข้อ 2 เค้าคนนี้เป็นโปรดิวเซอร์ของ​ภาพยนตร์​เรื่อง​ The​ Wolf of Wall​street​ และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเรด แกรนิต​ พิกเจอร์​ (Red​ Granite Pictures)

“The Wolf of Wallstreet” หรือในชื่อภาษาไทยว่า​ “คนจะรวยช่วยไม่ได้” เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูด​ที่ออกฉายในปี​ 2013​ และกวาดรายได้รวมทั่วโลกไป 392 ล้านเหรียญสหรัฐฯ​ จากทุนสร้าง​ราว​ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ​ ภายใต้ผลงานกำกับ Martin Scorsese และนำแสดงแสดงโดย​ ลีโอนาร์โด​ ดิคาเปรโอ้​ (Leonardo DiCaprio) ด้วยบทบาทนี้เลยส่งให้เขาเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและหนังเข้าชิงอีก 4 รางวัล​ นอกจากนี้​ภาพยนตร์​เรื่องนี้ก็ยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง​ 5 สาขาด้วย

นอกจากจะกวาดรายได้ไปได้ถึง​ 392 ล้านเหรียญ​ทั่วโลก​ ภาพยนตร์​เรื่องนี้ก็ยังประสบความสําเร็จ​หลังลาจอไป​ ทุกครั้งที่พี่ทุยเห็นกระทู้รวบรวม​แนะนำภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับการเงินการลงทุน​ ภาพยนตร์​เรื่องนี้จะติดโผอยู่ทุกครั้งไป

The​ Wolf of Wallstreet เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับการหาเงินที่ไม่ค่อยสุจริตนัก ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของ​โบรคเกอร์​คนนึงที่ชื่อ​ว่า​ จอร์แดน​ เบลฟอร์ (Jordan Belfort) ทำหน้าที่ไม่ซื่อ​ ยักยอกเงินจากเหล่านักลงทุน​ใน Wallstreet เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง​ บุคคลนี้มีตัวตนอยู่จริงและยังมีชีวิตอยู่ด้วย​ ถ้าสนใจก็ไปค้นหาเพิ่มเติมและดูภาพยนตร์​เรื่องนี้ได้​ แอบกระซิบว่ามีใน​ NETFLIX ด้วยนะ

ความเกี่ยวข้องของปมทุจริตกองทุน​ “1MDB” และหนังเรื่อง​ The Wolf of Wallstreet 

เรื่องนี้เกิดจากการที่มีการสืบพบว่า​อดีตนายกรัฐมนตรี​นาจิบ​ ราซัก เอาเงินออกจากกองทุน​ “1MDB”​ และหย่อนเข้ากระเป๋าตัวเองไปประมาณ​ 681 ล้านเหรียญสหรัฐฯ​ เงินจำนวนนี้ส่วนนึงถูกนำเอาไปกับความสุขส่วนตัวของเค้าและภรรยา​​ โรสมาห์​ มานซอว์ ก็เลยตกที่นั่งลำบากไปอีกคนในคดีนี้

ต่อมา ​นาจิบ​ ราซัก ก็โอนเงินจำนวนหนึ่งไปให้ ราซี​ อาซิซ ​ผ่านธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์​ และ ราซี​ อาซิซ ก็ได้โอนเงินหลายจำนวนอยู่ในช่วงตั้งแต่ หลักล้านไปจนถึงหลักร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปยังบัญชีธนาคารของบริษั​ทสร้างภาพยนตร์​ Red Granite อย่างต่อเนื่อง

ซึ่งจริง ๆ​ แล้ว บริษัท​ Red​ Granite​ ก็สร้างหนังหลายเรื่องนะ​ในปีเดียวกัน เช่น​ Out of the Furnace  ของผู้กำกับ Scott Cooper และ Horns ของผู้กำกับ Alexandre Aja ที่นำแสดงโดยแดเนียล​ แรฟคลิฟ (Daniel Radcliffe)

แต่ที่​ The Wolf of Wallstreet โดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ​ก็เพราะว่า​ ศาลมาเลเซียได้เปิดเผยเอกสารของเดือนกันยายน​ 2012​ ​ที่ระบุว่ามีการโอนเงินจำนวน​ 9​ ล้านเหรียญ​สหรัฐฯ ​จากบริษัท​ Good Star ของโจ​โลว์ไปที่บัญชีของบริษัท​ Red​ Granite แถมระบุด้วยว่าเป็นค่าสร้างหนังเรื่อง​ The​ Wolf of wall​street​ ล่วงหน้า​ ซึ่งที่มาของเงินในการสร้างกลับสร้างความสงสัยเมื่อสื่อท้องถิ่นขุดคุ้ยเจอว่า บริษัท Red Granite บอกว่าที่มาของทุนสร้างมาจากบริษัท Low’s Good Star ของโจ​โลว์ ยิ่งทำให้สงสัยได้ว่าจะเป็นการฟอกเงิน

เรื่องนี้ส่งผลให้ ลีโอนาร์โด  ดิแคพรีโอ ต้องขึ้นศาลด้วย​ ซึ่งเค้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี​ เพราะลีโอนาร์โด  เคยได้รับของขวัญ​หรูหราหลายอย่างจากโจโลว์​ (ซึ่งคืนไปหมดแล้ว)​ เช่น ภาพเขียนของ ปิกาโซ (Pablo Picasso) มูลค่ากว่า 3.28 ล้านเหรียญ​สหรัฐฯ งานศิลปะผลงานของ “ฌอง-มิเชล บาสเคียต” มูลค่า 9.19 ล้านเหรียญสหรัฐฯ​ และรางวัลออสการ์ของ มาร์ลอน แบรนโด จากภาพยนตร์เรื่อง “ออน เดอะ วอเตอร์ฟรอนท์” (On the Waterfront)

โจโลว์ ได้พยายามเข้าไปตีสนิทกับ ลีโอนาร์โด  ​หลายครั้ง ด้วยการชักชวนให้ลีโอนาร์โด​มาเล่นพนันในคาสิโนของเค้าที่ลาสเวกัส​ และผู้ที่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันก็คือ​ “ราซี​ อาซิซ” ซึ่งมีรายงานว่า ลีโอนาร์โด​พูดขอบคุณ​โจโลว์ตอนที่ได้รับรางวัลสาขานักแสดงนำชายด้วย​

เมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้ ลีโอนาร์โด  ดิแคพรีโอ  ก็เลยถูกเรียกเข้าไปสอบสวน​ และเค้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี​ ส่วนราซี​ อาซิซเองก็เพิ่งขึ้นศาลและขอประกันตัวไปด้วยวงเงิน​ 1 ล้านริงกิตหรือประมาณ​ 2.4 แสนเหรียญ​สหรัฐ​ฯ

เรื่อง​สองเรื่องที่อยู่คนละซีกโลกกันถึงมาเชื่อมโยงกันได้ด้วยประการนี้ ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือชีวิตจริงเรื่องเงินก็ไม่เคยเข้าใครออกใครเลยนะ​ คิด ๆ​ ดูแล้วก็ตลกร้ายเหมือน​กัน กับการที่หนังมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการโกงเงินนั้นเกี่ยวพันกับคดีฟอกเงินครั้งใหญ่​ของจริง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply