ทำไม “เชฟโรเลต” ถึงปิดโรงงานในไทย ?

ทำไม “เชฟโรเลต” ถึงปิดโรงงานในไทย ?

4 min read  

ฉบับย่อ

  • Chevrolet (General Motors) ขายโรงงานในไทย เตรียมถอนตัวจากไทยออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
  • การถอนตัวนี้ GM เสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นเงินสดถึง 300 ล้านเหรียญ ในไตรมาสแรกนี้
  • “เชฟโรเลต” ล้างสต๊อกด้วยการลดครั้งยิ่งใหญ่ บางรุ่นหั่นราคาลงครึ่งหนึ่ง ลดถึง 5 แสนบาท
  • ถึงแม้จะถอนตัวจากไทยแล้ว แต่ยังมีบริการดูแลหลังการขายต่อไปอีก 10 ปี
  • เศรษฐกิจถดถอยตอนนี้เป็นทั่วโลก หลาย ๆ บริษัทพยายามลดพนักงานหรืออาจปิดตัวลง

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ช่วงนี้เราจะเห็นข่าวปิดกิจการหรือไม่ก็ประกาศลดพนักงานมาอย่างต่อเนื่องเลย ข่าวล่าสุดที่มีเป็นที่ฮือฮาเลยก็คือ General Motor (GM) หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อรถยนต์ “เชฟโรเลต” ประกาศยกเลิกการผลิตในไทย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ที่มีศักยภาพในการทำกำไรได้น้อย โดยจะดำเนินการต่อถึงปลายปี 2563 นี้เท่านั้น

ตั้งแต่ปี 2558 Mary Barra ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GM ได้วางแผนปรับโครงสร้างทั่วโลกของ GM โดยจะทยอยถอนตัวจากกลุ่มตลาดที่มีศักยภาพในการทำกำไรน้อย โดยจะไปให้ความสำคัญกับกลุ่มตลาดหลักและเน้นการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับอนาคตเป็นหลัก และรถยนต์ไฟฟ้า

ผลกระทบจากการออกจากตลาดเหล่านี้ส่งผลให้ GM ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นเงินสดกว่า 300 ล้านเหรียญ ในไตรมาสแรกนี้ โดยในไทยจะเป็นการถอนแบรนด์ “เชฟโรเลต” และขายโรงงานการผลิตให้กรับบริษัท Great Wall Motor ของประเทศจีน

Chevrolet ปรับราคาลดให้ถูกลงเพื่อขายล้างสต๊อก

หลังจากประกาศเตรียมปิดตัวลงในไทย ก็มีประกาศลดราคารถยนต์ลงในหลาย ๆ รุ่น เพื่อระบายรถยนต์ในสต๊อกกว่า 4 พันคันออกไป โดยสิ่งที่น่าสนใจคือในบางรุ่นมีการลดถึง 500,000 บาท หรือกว่า 50% เลยทีเดียว ทำให้บางรุ่นนั้นราคาเหลือไม่ถึง 5 แสนบาทต่อคัน

ทำไม “เชฟโรเลต” ถึงปิดโรงงานในไทย ?

หลังจากประกาศลดราคาครั้งใหญ่นี้ก็มีกระแสตอบรับจากลูกค้าแห่กันมาจองซื้อรถอย่างล้นหลาม ทำให้โชว์รูมหลาย ๆ แห่งไม่ว่าจะเป็นจังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี ราชบุรี มียอดขายพุ่งอย่างน่าตกใจ เพราะในบางรุ่นอย่าง Chevrolet Captiva เกือบทุกรุ่นลดราคาถึง 5 แสนบาท ซึ่งถือว่าเป็นการลดราคาที่ถูกมากในประวัติการณ์รถยนต์ในไทย อีกทั้งยังเป็นรถมือ 1 สภาพดีอีกด้วย

โดยรุ่นที่ลดเยอะที่สุดจะเป็นรุ่น Captiva จากราคา 999,000 บาท เหลือเพียง 499,000 บาท และเนื่องจากเป็นรุ่นที่ราคาย่อมเยาที่สุดของ Captiva ในปัจจุบันมียอดจองเต็มแล้ว เหลือเพียงลูกค้ารอคิวทำเรื่องไฟแนนซ์รถ 

ถึงแม้จะถอนตัวจากไทยแล้ว แต่ยังมีบริการดูแลหลังการขายต่อไปอีก 10 ปี

สิ่งที่หลาย ๆ คนกังวลจากการปิดตัวนี้คือ “บริการหลังการขาย” และถึงแม้จะประกาศยกเลิกการผลิตและไม่ได้ลงทุนในไทยต่อแล้วก็ตาม แต่ทาง GM สัญญาว่ายังดูแลพนักงานและบริการหลังการขายต่อให้อีก 10 ปี ดังนั้นก็ยังมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าจะยังมีอะไหล่และบริการจากทางโชว์รูมเพื่อบริการดูแลลูกค้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง

โดยรถใหม่ที่ออกไปนั้นนอกจากได้ราคาพิเศษแล้วบริการหลังการขายก็จะได้สิ่งเหล่านี้อีกด้วย

– การรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
– ศูนย์บริการอะไหล่แท้มาตรฐาน
– บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
– ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ “เชฟโรเลต”

ดังนั้นด้วยราคาและคุณภาพรถแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเลยทีเดียวเพราะได้รถราคาถูก คุณภาพดีและบริการหลังการขายไม่หายไปไหน แต่สิ่งที่ต้องกังวลเลยคือเมื่อใช้ไปแล้วหากคิดจะขายต่อราคาต้องตกลงค่อนข้างเยอะอย่างแน่นอน อีกทั้งเมื่อ GM ประกาศออกจากประเทศไทยแล้ว โชว์รูมและศูนย์บริการต้องลดจำนวนลงอย่างแน่นอน ทำให้การเข้าถึงบริการอาจจะยากขึ้นและนานขึ้น ก็ต้องลองชั่งน้ำหนักให้ดี ๆ ว่าผลได้ผลเสียอะไรจะมากกว่ากัน

ผู้ที่ได้รับผลกระทบหลัก ๆ เลยคงจะหนีไม่พ้นผู้แทนจำหน่ายและพนักงาน เพราะการถอนตัวของ GM ครั้งนี้เป็นการประกาศอย่างกะทันหันถึงแม้จะมีการเสนอทางเลือกในการรักษาแบรนด์ “เชฟโรเลต” ในไทยไว้ แต่ด้วยโรงงานผลิตในไทยก็ได้ถูกขายต่อใน Great Wall Motor บริษัทของจีนแล้ว

ดังนั้นเมื่อขาดฐานการผลิตในไทยการแข่งขันของแบรนด์ “เชฟโรเลต” ในอนาคตอาจจะไม่สามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ เพราะด้วยต้นทุนการผลิตรวมถึงภาษีนำเข้าแล้วจะทำให้เสียเปรียบอย่างมาก และแบรนด์ “เชฟโรเลต” เองอาจจะหายจากไทยไปในที่สุด

เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังถดถอย

ต้องยอมรับเลยว่าตอนนี้เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังถดถอย ถึงแม้บางคนอาจจะมองว่าหุ้นอเมริกาก็ยังขึ้นเอา ๆ ทำ New High อยู่ แต่หากเราดูลึก ๆ แล้ว หุ้นที่นำตลาดส่วนใหญ่เป็นธุรกิจใหม่ และหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลักที่ยังฉุดให้ดัชนียังดูดีอยู่  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดสำคัญหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก็คือ FAANG Stock หรือ 5 หุ้นเทคดาวรุ่งของอเมริกา ประกอบไปด้วย Facebook (FB), Apple (AAPL), Amazon (AMZN), Netflix (NFLX) และ GOOGLE (GOOGL) โดยภาพรวมแล้วหุ้นทั้ง 5 นั้นมีผลประกอบที่ดีกว่า NASDAQ ยกเว้น Netflix เพียงตัวเดียว 

และที่น่าสนใจคือขนาดของบริษัทนั้น บางบริษัทมีขนาดสูงถึง 10% ของทั้งดัชนี้เลยทีเดียวไม่ว่าจะเป็น Apple (AAPL) ประมาณ 14.2% ของดัชนี Amazon (AMZN) ประมาณ 10.08% และ Google (GOOGL) 10.5% ของดัชนี จึงไม่แปลกใจเลยที่ NASDAQ จะมีทิศทางที่ถูกนำโดยหุ้นเทคโนโลยีทั้งหลายนี้

ทำไม “เชฟโรเลต” ถึงปิดโรงงานในไทย ?

ข้อมูล ณ วันที่ : Feb 19, 2020

แต่อุตสาหกรรมอื่น ๆ อื่นกำลังประสบปัญหาและตกที่นั่งลำบากอยู่ จากกำลังซื้อที่ลดลง เราจะเห็นได้ว่าหลาย ๆ บริษัทเริ่มประกาศลดพนักงานหรือทยอยปิดแผนกหรือปิดตัวลงเลย เพราะถึงแม้บางบริษัทกำลังดำเนินงานอยู่ แต่ก็อาจกำลังประสบปัญหายอดขายตกขาดทุนทุกเดือน การลดพนักงานจึงเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่เราพบได้บ่อย ๆ ช่วงนี้

GM ก็เป็นบริษัทนึงที่ได้รับผลกระทบ การที่ GM ยอมที่จะเจ็บตัวตัดเนื้อตัวเองบางส่วนก่อนที่จะเป็นเนื้อร้ายก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทั้งผลตอบรับและยอดขายในไทยกำลังส่อแววไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่ GM ก็ไม่ได้เจ็บตัวเพียงคนเดียว ผลกระทบนั้นก็จะส่งผลเป็นทอด ๆ นอกจากตัวแทนจำหน่ายในไทยแล้ว ก็จะมีอีกหลาย ๆ ตำแหน่งงานที่ต้องตกงาน เพราะเมื่อรถขายน้องลง ผลิตน้อยลง Supplier ของสายการผลิตนั้น ๆ ก็ขาดลูกค้า การจ้างงานก็จะยิ่งลดลงไปอีก ช่วงเวลานี้ทุกคนก็ต้องเตรียมพร้อมปรับตัว หาความรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่ใช้ในอนาคตได้ งานประจำที่มีก็ควรกอดเอาไว้แน่น ๆ แต่ก็ต้องเผื่อแผนสำรองไว้หลาย ๆ แผนด้วย แล้วเราจะผ่านช่วงที่ลำบากนี้ไปด้วยกัน

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย

Comment

Be the first one who leave the comment.

Leave a Reply