เรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด เกี่ยวกับการลงทุนใน LTF

 

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile

ถ้าพูดถึงช่วงปลายปีแบบนี้ พี่ทุยว่าเรื่องที่น่าสนใจที่สุดก็เรื่อง “ภาษี” เนี้ยแหละ หลายๆคนเริ่มจะมาสนใจเรื่องภาษีกันเอาช่วงนี้ หรือบางคนก็ไปจัดกันตอนช่วงธันวาคม บางเคสพี่ทุยเห็นคนซื้อไม่ทัน เปิดบัญชีไม่ทัน จ่ายเงินไม่ทันเยอะมากกกกกกกกก ดังนั้นสำหรับเรื่องภาษี เราควรจะรีบวางแผนแล้วรีบจัดการจะดีกว่าเน้อออออ

แล้วถ้าพูดถึง สินค้าการเงินที่ขายดีมากที่สุดสำหรับการลดหย่อนภาษี บอกได้เลยว่าต้องยกให้ “LTF” เค้าเลยล่ะ เป็นอะไรที่นิยมมากที่สุด เพราะว่าเป็นสินค้าการเงินที่ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีที่มีระยะเวลาลงทุนที่สั้นที่สุด ตอนนี้ก็คือ 7 ปี พี่ทุยว่าเหตุผลเนี้ยแหละทำให้ LTF ขายดี อย่างประกันอย่างน้อยสุดก็ 10 ปี ส่วน RMF ไม่ต้องพูดถึงเลยกว่าจะขายได้อายุปาเข้าไป 55 ปียาวนานสุดๆ

พี่ทุยจะบอกว่าจริงๆแล้วการลงทุนใน LTF ตามที่เฮียสรรพากรเค้าว่ามาคือขั้นต่ำ 7 ปี … ไม่ใช่ว่าเราต้องถือ 7 ปีตามขั้นต่ำนี่หน่า เพราะหลายๆคนคิดว่าจะถือ LTF แค่ 7 ปี ทำให้เกิดแนวคิดประหลาดขึ้นมาว่า เดี๋ยวพอเงินก้อนแรกที่เราลดหย่อนไว้ครบ 7 ปี เราก็ขายกองทุนออกมาแล้วเอากลับไปซื้อก็จะได้ลดหย่อนต่อเนื่อง ประมาณว่าเสียเงินลงทุนแค่ 7 ปี ก็จะได้สิทธิ์การลดหย่อน LTF ไปตลอด …. โอโห้อัจฉริยะ !!

แต่พี่ทุยจะบอกว่า แนวคิดแบบนี้เป็นแนวคิดที่อันตรายมากๆๆๆๆ แล้วตอนนี้หลายๆก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ การที่เรา “วนจ่าย” แบบนี้ จะทำให้เงินต้นที่ลงทุนในแต่ละปีน้อยลง ทำให้ปลายทางความมั่งคั่งของเราก็น้อยกว่าที่ควรจะเป็นด้วย มาลองเปรียบเทียบ 2 กรณี ให้เห็นกันแบบชัดๆกันเลยดีกว่า !

ตัวอย่างแรก : อายุ 25 ปี ซื้อ LTF ปีละ 100,000 บาทไปเรื่อยๆจนอายุ 60 ปี (เกษียณ)
ตัวอย่างสอง : ลงทุนแค่ 7 ปี แล้ววนเงินเอาไปเรื่อยๆ
ทั้งสองตัวอย่าง สมมติให้ผลตอบแทนจาก LTF อยู่ที่ประมาณ 8%

และผลที่ออกมาก็คือ…

กรณีแรก เราจะมีเงินทั้งหมดมากกว่า 17 ล้านบาท !! แต่กรณีที่ 2 เราจะมีเงินทั้งหมดประมาณ 7.7 ล้านบาทเท่านั้นเอง แปลว่าเงินเราหายไปเกือบ 10 ล้านบาท ถ้าเราทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ แต่บางคนอาจจะเถียงว่า โธ้ พี่ทุย ! ก็เงินต้นเราใส่ไปมากกว่าตั้ง 2.8 ล้าน ผลออกมาก็ต้องต่างกันก็แน่อยู่แล้วป้ะ ??

คำตอบคือ ถูกต้องเลย เราใส่เงินต้นไปมากกว่า แต่ปัญหาก็คือเราจะมั่นใจได้ยังไงว่า ถ้าเราไม่เอาเงินไปซื้อ LTF เก็บไว้เพื่อใช้ยามเกษียณของเราแล้ว ณ เวลาที่เราต้องการใช้เงิน เงินก้อนนี้จะไม่ถูกนำไปใช้กับเป้าหมายอื่นๆ ? แล้วถ้าเราเก็บเงินไว้เฉยๆไม่ลงทุน สุดท้ายเงินลงทุนเราก็ถูกลดค่าด้วยเงินเฟ้ออยู่ดี ดีกว่ามั้ยถ้าเราเอาเงินไปเก็บไว้ไกลๆมือ แล้วเงินยังเติบโตได้อีก พี่ทุยว่าได้ 2 เด้งเลยนะ !

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเราแล้วล่ะ ว่าจะเลือกชีวิตแบบไหนจะเหมาะกว่า สำหรับคนที่มีวินัยในการลงทุนแล้วลงทุนเองเป็น อาจจะใช้วิธีวนจ่ายก็ได้เหมือนกัน แต่สำหรับพี่ทุยขอแบกพอร์ตน่าจะเหมาะกับพี่ทุยมากกว่า ลงทุนผ่านระบบไป กับลงทุนเองก็เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีเหมือนกัน ฮี่ฮี่ มออออว์

รูปบน ของ desktop
รูปล่าง ของ mobile
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย
FBS Trader เทรดได้อย่างปลอดภัย