เมื่อพูดถึงเครื่องดื่มชาเขียวยุคบุกเบิกของไทย ภาพที่ติดตาพี่ทุยแบบที่ลบยังไงก็คงยังไม่หายก็คือ ภาพของผู้ชายหน้าตาตี๋ๆ ใส่หมวกทรงกะลาสีเรือ พร้อมทำท่าตะเบ๊ะ เขาคนนี้คือ “คุณตัน ภาสกรนที” นั่นเอง นับเป็นครั้งแรกที่พี่ทุยเห็นเจ้าของกิจการมาทำหน้าที่เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเเบรนด์ตัวเอง นอกจากนี้หากยังจำกันได้จะรู้ว่ากระแสชาเขียวเมื่อหลายปีก่อนนั้นมาแรงและมีให้เลือกซื้อเลือกดื่มหลากหลายมาก ทั้งคำโฆษณาที่เคลมว่าดีต่อสุขภาพ ช่วยเรื่องนั้นเรื่องนี้ จนถึงช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
แต่ชีวิตจริงของวงจรธุรกิจไม่ใช่เทพนิยาย ที่จะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป เพราะหลังจากนั้นเพียงไม่นาน กระแสชาเขียวก็เริ่มซาลง ส่วนแบ่งการตลาดของเครื่องดื่มประเภทชาก็ถอยหลังลงเรื่อย ๆ และแน่นอนว่าส่งผลต่อ “ชาเขียวอิชิตัน” ของ อิชิตัน กรุ๊ปหรือ หุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในนามของ ICHI “หุ้น ICHI” เป็นอย่างมาก เพราะรายได้ของอิชิตันเกือบทั้งหมดมาจากเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มเลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่าอิชิตัน กรุ๊ปพึ่งพารายได้จากเครื่องดื่มประเภทชาเพิ่มขึ้นในขณะที่กระแสความนิยมกลับลดลง
มาพูดถึงเรื่องส่วนเเบ่งการตลาดของชากันบ้าง ในปี 2560 ชาเขียวมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท แต่เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ก็หดตัวลงเหลือเพียงเเค่ 11,892 ล้านบาทเท่านั้น
และในเค้กชิ้นโตมูลค่าเกือบ 1.2 หมื่นล้านบาทนี้ก็ตกเป็นส่วนของแบรนด์ชาเขียวบ้านเกิดของคุณตันเองอย่าง “โออิชิ กรีนที” ที่ 44.5 % ส่วน ICHITAN เมื่อรวมกับเครื่องดื่มชายี่ห้อ เย็น-เย็น แล้วก็มีส่วนเเบ่งการตลาดชาเป็นอันดับ 2 ที่ 29.8% ตามการสำรวจของ NIELSON ในเดือนมกราคม 2562
ในขณะเดียวกันนั้น กระแสของสุขภาพยังคงมีมาอยู่ต่อเนื่อง เช่น การกินอาหารคลีน การดื่มเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกาย การวิ่งหรือการปั่นจักรยาน อิชิตัน กรุ๊ปก็ขอเข้ามาคลุกวงในเกาะกระแสนี้กับเค้าเหมือนกัน โดยเปิดตัวเครื่องดื่มชาเขียวหวานน้อย “ชิซึโอกะ (Shizuoka)” ออกมาเมื่อช่วงกลางปี 2561 ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้จะมีราคาสูงกว่าอิชิตันกรีนทีที่มีมาก่อนหน้านานเเล้ว โดยมีราคาอยู่ที่ 30 บาทต่อ 1 ขวด (440 มิลลิลิตร)
ทางเเบรนด์เคลมว่า ชาชิซึโอกะนี้ นำเข้ามาจากจังหวัดชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีชื่อด้านการผลิตชา 100%
ไม่รอช้า เพราะพี่ทุยช้ามานานเป็นปีแล้ว (ฮ่า) พี่ทุยนักชิมเลยรีบพุ่งตัวไป 7-11 และซื้อมาลองชิม 3 สูตรที่มีตอนนี้ซะเลย เรื่องของรสชาติ พี่ทุยขอไม่ยุ่งเพราะเป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ทุกคนคงเห็นต่างออกไป แต่เรื่องของการออกแบบขวดก็ต้องบอกว่าเค้าทำได้ดูเป็นพรีเมียม แตกต่างจากสินค้าตัวอื่น ๆ ของอิชิตัน กรุ๊ปพอสมควรเลย ส่วนเรื่องที่เค้าเคลมว่าเครื่องดื่มตัวนี้หวานน้อยและไม่มีน้ำตาล ก็ทำได้ดีสมคำโฆษณา
นอกจากเครื่องดื่มชาหวานน้อยตัวใหม่นี้จะมีความพรีเมียม ทำให้ขายในราคาสูงขึ้นได้แล้ว การที่มีความหวานน้อยลงอย่างนี้ ก็ทำให้ต้นทุนของสินค้าตัวนี้ลดลงด้วย มาดูกันเถอะว่า ทำไมการที่มีน้ำตาลลดลงถึงทำให้ต้นทุนลดลงนะ? บทความนี้พี่ทุยขอแนะนำให้รู้จักกับ “ภาษีความหวาน” กันเลย
ภาษีความหวานคืออะไร ?
ภาษีความหวาน คือ การเก็บภาษีตามปริมาณน้ำตาลที่ใส่ลงไปในเครื่องดื่ม และคิดด้วยอัตราก้าวหน้าเหมือนภาษีส่วนบุคคลเลย ยิ่งใส่น้ำตาลลงไปมาก ก็จะยิ่งโดนเก็บภาษีหนัก ซึ่งเครื่องดื่มที่มักโดนภาษีน้ำตาลมาก คือ น้ำผลไม้ ที่ชอบโฆษณากันว่าดีต่อสุขภาพ แต่จริง ๆ แล้วเค้าใส่น้ำตาลไปเยอะมาก รูปไม่ตรงปกอย่างนี้ ระวังนะจ๊ะ
ภาษีความหวานนี้มีอนุโลมให้เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลน้อยกว่า 6 กรัมต่อมิลลิมิตรไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่เรียกได้ว่ามีก็เหมือนไม่มี เพราะน้ำผลไม้ 100% ทุกยี่ห้อก็ยังโดนกันถ้วนหน้า
มาดูปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มทั้ง 3 สูตรกัน
- ชาเขียวชิซึโอกะ สูตรไม่มีน้ำตาล 440 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 0 กรัม ดังนั้น สูตรนี้ไม่โดนเก็บภาษีความหวาน
- ชาเขียวชิซึโอกะ โฮจิฉะ สูตรไม่มีน้ำตาล 440 มิลลิลิตร มีน้ำตาล 0 กรัม ดังนั้น สูตรนี้ไม่โดนเก็บภาษีความหวาน
- ชาเขียวชืซึโอกะ สูตรหวานน้อย มีน้ำตาล 13% จากปริมาตรสุทธิ 440 มิลลิลิตร คิดเป็น 0.13 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ดังนั้น ชาเขียวสูตรนี้ก็ไม่ต้องเสียภาษีความหวาน
และภาษีความหวานนี้ก็จะมีการปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 2 ปี ตอนนี้เฉลี่ยคือลิตรละ 1 บาท แต่รัฐบาลมีเป้าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็น 5 บาทต่อลิตรในอีกไม่นาน
พอจะเห็นภาพกันมั้ยล่ะว่า เมื่อชาเขียวตัวใหม่นี้มีน้ำตาลน้อยก็จะเสียภาษีความหวานน้อยลง ทำให้ต้นทุนลดลง แล้วยังสามารถขายได้ในราคาพรีเมี่ยมมากขึ้นอีกด้วย เรื่องของภาษีความหวานนี้จัดเป็นปัจจัยที่กระทบธุรกิจกลุ่มน้ำหวานเป็นอย่างมาก จนทำให้หุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม-น้ำผักผลไม้ ราคาร่วงโหม่งพื้นเมื่อปีที่แล้ว
ใครอยากจับจองเป็นเจ้าของร่วมในกิจการเครื่องดื่ม อย่าลืมเอาเรื่องนี้มาคิดด้วยนะ
รายได้รวมและกำไรของอิชิตัน กรุ๊ป หรือ “หุ้น ICHI” ลดลงเรื่อย ๆ ใน 3 ปีนี้ ส่วนนี้บริษัทให้เหตุผลว่ามาจากการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดชาเขียว การชะลอตัวความนิยมในชาเขียว และภาษีความหวานที่ถูกปรับเพิ่มขึ้นเนี่ยแหละ
มีอีกสิ่งหนึ่งที่พี่ทุยอยากชวนดูก่อนจะจากกันไปในบทความนี้ คือ เรื่องของค่าใช้จ่ายในการบริหารและบริการหรือค่าโฆษณาที่ลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงถึงการที่บริษัทพยายามจะลดค่าใช้จ่ายส่วนของโฆษณาลง ต้นทุนจะได้ลดและกำไรจะได้เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง
รายจ่ายจากการโฆษณา
- ปี 2559 มีรายจ่ายบริหารและบริการ 54 ล้านบาท
- ปี 2560 มีรายจ่ายบริหารและบริการ 90 ล้านบาท
- ปี 2561 มีรายจ่ายบริหารและบริการ 91 ล้านบาท
กิจการที่อยู่ตัวเเละสร้างสินค้าให้ติดตลาดได้ไม่ควรจะมีค่าใช้จ่ายโฆษณาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลานะ เหมือนกับเราจีบผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าต้องทุ่มแรงกาย แรงใจ แรงเงินตลอดเวลาก็คงเป็นอะไรที่เหนื่อยน่าดู และคงไม่ดีนักถ้าจะเคาะเธอมาเก็บไว้ในพอร์ตความรัก เพราะถ้าเราเผลอหยุดไล่ตามเมื่อไหร่ เธอก็อาจจะหลุดลอยไปได้ง่าย ๆ นี่พี่ทุยไม่ได้เขียนจากชีวิตจริงนะ แค่เปรียบเทียบให้ฟังเฉ๊ยเฉยย หุ้นก็เหมือนความรัก หุ้นดี ๆ เราต้องเก็บไว้ หุ้นร้าย ๆ เราก็ต้องตัดบัวไม่ให้เหลือใยนะ (ฮ่า)
Comment