กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างความฮือฮา และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง ชั่วโมงนี้ยังไงก็หนีไม่พ้น Digital Telecommunications Infrastructure Fund หรือที่เราคุ้นชื่อกันว่า DIF อยู่แล้ว
DIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล รายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่เน้นลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทั่วประเทศ เช่น เสาโทรคมนาคม ระบบใยแก้วนำแสง อุปกรณ์สื่อสัญญาณ ระบบบรอดแบนด์ เพื่อรองรับโลกที่กำลังไปสู่ดิจิทัลมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งมีการรับ-ส่งข้อมูลออนไลน์มากเท่าไหร่ ความต้องการของกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมก็จะยิ่งมีความต้องการมากขึ้นเท่านั้น
แล้วเหตุผลที่ DIF เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความนิยมมาก ก็เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่จัดตั้งกองทุน DIF สามารถจ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรให้กับนักลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งหมด 21 ครั้ง คิดเป็นจำนวนเงินปันผล 5.0909 บาทต่อหน่วย โดยการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) สำหรับช่วงตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 ถึง 30 กันยายน 2563 อยู่ที่ 1.044 บาทต่อหน่วย
บทความนี้ พี่ทุยมีข่าวดีมาบอกสำหรับคนที่ถือ DIF อยู่ก็คือ ตอนนี้ DIF กำลังจะลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 โดยจะให้สิทธิ์นักลงทุนเดิมที่ถือ DIF ได้เข้าร่วมลงทุนในอัตราส่วน 9.40 หน่วยลงทุนเดิม ต่อ 1 หน่วยลงทุนใหม่ ซึ่งการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะมีมูลค่ารวมไม่เกิน 15,800 ล้านบาท และเสนอขายไม่เกิน 1,050 ล้านหน่วย โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิ์จองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ (Record Date) ในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 (วันขึ้นเครื่องหมายเพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ดังกล่าว คือวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2562)
ปัจจุบัน DIF ลงทุนในกรรมสิทธิ์ สิทธิการเช่าระยะยาวและสามารถรับประโยชน์จากรายได้สุทธิในทรัพย์สิน 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- เสาโทรคมนาคมรวมทั้งหมด 15,271 เสา
- ใยแก้วนำแสง(Fiber Optic Cable หรือ FOC) ประมาณ 2.7 ล้านคอร์กิโลเมตร
- ระบบบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 1.2 ล้านพอร์ตครอบคลุม FOC ประมาณ 2 แสนคอร์กิโลเมตร
โดย ณ ปัจจุบัน กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 150,289.60 ล้านบาท (ข้อมูลตามงบการเงิน ณ วันที่ 31 มีนาคม 2652)
ซึ่งการลงทุนเพิ่มครั้งที่ 4 นี้จะนำเงินไปลงทุนทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกัน ประกอบไปด้วย
1. การลงทุนในกรรมสิทธิ์เสาโทรคมนาคมรวม 788 เสา แบ่งเป็นเสาที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน 749 เสา และเสาที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าจำนวน 39 เสา แล้วเสาที่เข้าลงทุนทั้งหมดนั้นพร้อมใช้งานทันที และส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาไม่เกิน 1 ปีเรียกว่าเป็นเสาใหม่ทั้งนั้น
2. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) ในปัจจุบันใช้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ระยะทางประมาณ 1,795 กิโลเมตร (หรือประมาณ 107,694 คอร์กิโลเมตร)
3. กรรมสิทธิ์ FOC ซึ่งปัจจุบันใช้รองรับเทคโนโลยีระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดรวมระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร (ประมาณ 40,823 คอร์กิโลเมตร) และประมาณ 3,414 กิโลเมตร (ประมาณ 147,209 คอร์กิโลเมตร) ตามลำดับ
ซึ่งผู้เช่าระยะยาวของ DIF ก็คือกลุ่มทรู ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสื่อสารโทรคมนาคมของประเทศ ยิ่งผู้ใช้บริการเติบโตมากเท่าไหร่ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เรื่องกลัวจะไม่มีคนเช่าแทบจะตัดไปทิ้งไปได้เลย
DIF จะขึ้นเครื่องหมาย XB (Excluding Other Benefits) ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ ถ้าใครซื้อวันที่ 2 สิงหาคมหรือหลังจากนี้ ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์จองซื้อนะ เพราะฉะนั้นจะต้องเข้าไปซื้อหน่วยลงทุนภายในวันที่ 1 สิงหาคม จึงจะได้รับสิทธิ์จองซื้อ นอกจากนี้ พี่ทุยอยากจะแอบกระซิบอีกว่า กองทุน DIF สำหรับบุคคลธรรมดาก็ได้รับสิทธิ์ปลอดภาษีไปจนถึงปี 2023 ด้วยนะ น่าสนใจมากจริงๆ เลยใช่มั้ยล่ะ!
Comment